ไดเวอร์เจนท์ คืออะไร divergence มีกี่แบบ รูปแบบ divergence กลับตัว hidden divergence หมายถึงออะไร อธิบาย ยกตัวอย่าง

ไดเวอร์เจนท์ คืออะไร

ในทาง Forex (ตลาดเงินต่างประเทศ) คำว่า “divergence” หมายถึง แนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคาสกุลเงินและตัวชี้วัด (indicator) ที่แสดงถึงความแตกต่างหรือความเกี่ยวข้องระหว่างราคาของสกุลเงินกับตัวชี้วัดนั้นๆ ซึ่งสามารถใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มการเคลื่อนไหวของตลาด และมีความสำคัญในการตัดสินใจเพื่อการเทรด Forex

การใช้งาน Divergence ใน Forex เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์และตรวจสอบแนวโน้มการเคลื่อนไหวของตลาด ซึ่งอาจช่วยในการตัดสินใจในการเทรดเพื่อสร้างกำไร การตรวจสอบ Divergence ควรคำนึงถึงความสอดคล้องและใช้เครื่องมืออื่นๆ เพื่อประกอบการวิเคราะห์อย่างถูกต้อง ตลาด Forex เป็นตลาดที่มีความเสี่ยงสูง การเทรดควรพิจารณาความเสี่ยงและมีการบริหารเงินอย่างมีสติเพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน

divergence มีกี่แบบ

Divergence มีสองแบบหลักที่ใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดในหลายตลาดที่ต่างกัน เช่น ตลาดหุ้น, ตลาดเงินต่างประเทศ (Forex), และตลาดสินทรัพย์อื่นๆ ดังนี้

Bullish Divergence

Bullish Divergence (ไดเวอร์เจนท์ในทิศทางของขาขึ้น) เป็นแนวโน้มการเคลื่อนไหวในตลาดที่เกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์ (เช่น สกุลเงิน หุ้น หรือสินทรัพย์อื่นๆ) มีแนวโน้มลดลง (downtrend) ในขณะที่ตัวชี้วัด (indicator) ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของราคา ยังคงมีแนวโน้มขาขึ้น (uptrend) หรืออยู่ในระดับที่สูงขึ้น สัญญาณนี้บ่งชี้ถึงโอกาสที่ราคาของสินทรัพย์นั้นจะเพิ่มขึ้นในอนาคต

เมื่อเกิด Bullish Divergence นี้ มักจะมีตัวชี้วัดที่ใช้กันในการตรวจสอบ ได้แก่:

    • Relative Strength Index (RSI): เป็นตัวชี้วัดที่ใช้วัดความแย่งชนะ (strength) ของราคา โดยให้ค่าอยู่ในช่วง 0-100 ซึ่งถือว่ามีความแย่งชนะเมื่ออยู่ในช่วง 70-100 และมีความแย่งแพ้เมื่ออยู่ในช่วง 0-30 หากราคาต่ำลงในขณะที่ RSI ยังคงคงค่าสูงขึ้น นั้นคือสัญญาณ Bullish Divergence
    • Moving Average Convergence Divergence (MACD): เป็นตัวชี้วัดที่ใช้เพื่อตรวจสอบความแตกต่างของเส้นสัญญาณ (Signal Line) และเส้นสำคัญ (MACD Line) หากเส้น Signal Line ข้างล่างของ MACD Line และเกิดการขึ้นของ MACD Line นั้นคือสัญญาณ Bullish Divergence
    • Stochastic Oscillator: เป็นตัวชี้วัดที่ใช้วัดระดับของราคาที่อยู่ใกล้สูงสุดและต่ำสุดของช่วงราคาในช่วงเวลาที่กำหนด หากมีการเคลื่อนไหวของตัวชี้วัดที่ทำการขึ้น ซึ่งสูงกว่าระดับต่ำสุดของช่วงราคา นั้นคือสัญญาณ Bullish Divergence

Bearish Divergence

Bearish Divergence (ดิเวอร์เจนซ์ในทิศทางของขาลง) เป็นแนวโน้มการเคลื่อนไหวในตลาดที่เกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์ (เช่น สกุลเงิน หุ้น หรือสินทรัพย์อื่นๆ) มีแนวโน้มขึ้น (uptrend) ในขณะที่ตัวชี้วัด (indicator) ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของราคา ยังคงมีแนวโน้มขาลง (downtrend) หรืออยู่ในระดับที่ต่ำลง สัญญาณนี้บ่งชี้ถึงโอกาสที่ราคาของสินทรัพย์นั้นจะลดลงในอนาคต

เมื่อเกิด Bearish Divergence นี้ มักจะมีตัวชี้วัดที่ใช้กันในการตรวจสอบ ได้แก่:

    • Relative Strength Index (RSI): เป็นตัวชี้วัดที่ใช้วัดความแย่งชนะ (strength) ของราคา โดยให้ค่าอยู่ในช่วง 0-100 ซึ่งถือว่ามีความแย่งชนะเมื่ออยู่ในช่วง 70-100 และมีความแย่งแพ้เมื่ออยู่ในช่วง 0-30 หากราคาสูงขึ้นในขณะที่ RSI ยังคงค่าต่ำลง นั้นคือสัญญาณ Bearish Divergence
    • Moving Average Convergence Divergence (MACD): เป็นตัวชี้วัดที่ใช้เพื่อตรวจสอบความแตกต่างของเส้นสัญญาณ (Signal Line) และเส้นสำคัญ (MACD Line) หากเส้น Signal Line ข้างบนของ MACD Line และเกิดการลงของ MACD Line นั้นคือสัญญาณ Bearish Divergence
    • Stochastic Oscillator: เป็นตัวชี้วัดที่ใช้วัดระดับของราคาที่อยู่ใกล้สูงสุดและต่ำสุดของช่วงราคาในช่วงเวลาที่กำหนด หากมีการเคลื่อนไหวของตัวชี้วัดที่ทำการลง ซึ่งต่ำกว่าระดับสูงสุดของช่วงราคา นั้นคือสัญญาณ Bearish Divergence

รูปแบบ divergence กลับตัว

Bullish Hidden Divergence

Bullish Hidden Divergence  เป็นกรณีที่ราคาของสินทรัพย์หรือสกุลเงินมีแนวโน้มขาขึ้น (uptrend) แต่ตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของราคานั้นยังคงมีแนวโน้มขาลง (downtrend) หรือยังคงอยู่ในระดับต่ำลง การพบ Bullish Hidden Divergence นี้อาจเป็นสัญญาณว่าราคามีโอกาสที่จะเริ่มขึ้นในอนาคต

เมื่อพบ Bullish Hidden Divergence ควรให้ความสำคัญในการพิจารณาความสอดคล้องกับเทรนด์ราคาที่กำลังเกิดขึ้น และรูปแบบอื่นๆ ในการวิเคราะห์เทคนิค เพื่อให้มั่นใจในสัญญาณเทรดที่คาดว่าจะเกิดขึ้นหากเทรนด์ราคาที่กำลังเกิดขึ้นเป็น uptrend (ขาขึ้น) และพบ Bullish Hidden Divergence นั้น อาจเป็นสัญญาณที่ราคากำลังกลับตัวขึ้นในทิศทางของเทรนด์หลัก ซึ่งอาจเป็นโอกาสที่ดีในการเปิดท่าอาชีพซื้อ (buy position) ในระหว่างเทรด

Bearish Hidden Divergence

Bearish Hidden Divergence เกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์หรือสกุลเงินมีแนวโน้มขาลง (downtrend) แต่ตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของราคานั้นยังคงมีแนวโน้มขาขึ้น (uptrend) หรือยังคงอยู่ในระดับสูงขึ้น สัญญาณนี้อาจเป็นสัญญาณว่าราคามีโอกาสที่จะเริ่มลดลงในอนาคต แม้ว่าแนวโน้มของตัวชี้วัดจะยังคงเป็นบวกหรือเครื่องหมายขาขึ้น

การตรวจสอบ Bearish Hidden Divergence ควรให้ความสำคัญในการตรวจสอบความสอดคล้องของตัวชี้วัดกับแนวโน้มราคาในขณะที่เกิดการเคลื่อนไหว การสังเกตุและวิเคราะห์ช่วงราคาที่เกิด divergence และความสัมพันธ์ของราคากับตัวชี้วัดเป็นอย่างดีเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ทำนายทิศทางของราคาในอนาคตได้ถูกต้องยิ่งขึ้น

Bearish Hidden Divergence แตกต่างจาก Bullish Hidden Divergence โดยใน Bullish Hidden Divergence ราคาจะมีแนวโน้มขาลง แต่ตัวชี้วัดมีแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่าราคามีโอกาสที่จะเริ่มขึ้นในอนาคต ในขณะที่ใน Bearish Hidden Divergence ราคามีแนวโน้มขาขึ้น แต่ตัวชี้วัดมีแนวโน้มขาลง แสดงให้เห็นถึงโอกาสที่ราคาจะเริ่มลดลงในอนาคต

hidden divergence หมายถึงออะไร

Hidden Divergence  คือ กรณีที่ราคาของสินทรัพย์หรือสกุลเงินมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในทิศทางที่ตรงข้ามกับตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวราคา แต่การแตกต่างนี้มีลักษณะที่เป็นลับ ซึ่งหมายความว่าความแตกต่างระหว่างราคาและตัวชี้วัดนั้นเป็นเรื่องที่น่าจับตามองและไม่ได้แสดงอย่างชัดเจนที่แรก ดังนั้น อาจต้องใช้การวิเคราะห์อย่างละเอียดและความระมัดระวังในการตรวจสอบสัญญาณดังกล่าวเพื่อให้ทำนายทิศทางของราคาในอนาคตได้ถูกต้องยิ่งขึ้น

Hidden Divergence เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์เทคนิคที่สำคัญในการตัดสินใจในการเทรดในตลาด แต่ควรใช้งานให้ถูกต้องและมีการจัดการความเสี่ยงเหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดทุน. การเรียนรู้และฝึกฝนในการใช้งานเทคนิคนี้จำเป็นเพื่อเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจในการทำนายแนวโน้มราคาในตลาดอย่างมีความรับผิดชอบ.

ยกตัวอย่าง

เพื่อให้เข้าใจและมองเห็นตัวอย่างของ Hidden Divergence ได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างของ Bullish Hidden Divergence  และ Bearish Hidden Divergence ดังนี้:

  1. ตัวอย่าง Bullish Hidden Divergence

ในกรณีของ Bullish Hidden Divergence ราคาจะมีแนวโน้มขาขึ้น แต่ตัวชี้วัดจะมีแนวโน้มขาลง ซึ่งบ่งชี้ถึงโอกาสที่ราคาจะเริ่มขึ้นในอนาคต ตัวอย่างดังนี้

    • สมมุติว่ามีสกุลเงิน XUSD ที่กำลังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น แต่ตัวชี้วัด RSI (Relative Strength Index) ที่ใช้วัดความเปลี่ยนแปลงของราคาในช่วง 14 วันมีแนวโน้มขาลง
    • ในช่วงเวลาที่ตัวชี้วัด RSI มีแนวโน้มขาลง ราคาของ XUSD กลับไม่ทำลายข้อความความสำเร็จและยังคงขึ้นลงตามแนวโน้มของขาขึ้น
    • สัญญาณนี้อาจบ่งชี้ว่าตลาดอาจจะกลับมาขาขึ้นในอนาคต
  1. ตัวอย่าง Bearish Hidden Divergence

ในกรณีของ Bearish Hidden Divergence ราคาจะมีแนวโน้มขาลง แต่ตัวชี้วัดจะมีแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงโอกาสที่ราคาจะเริ่มลดลงในอนาคต ตัวอย่างดังนี้

    • สมมุติว่ามีสกุลเงิน YUSD ที่กำลังอยู่ในแนวโน้มขาลง แต่ตัวชี้วัด MACD (Moving Average Convergence Divergence) ที่ใช้ในการวัดความแตกต่างระหว่างเส้นเคลื่อนที่เฉลี่ยของราคาในช่วงสองเวลามีแนวโน้มขาขึ้น
    • ในช่วงเวลาที่ตัวชี้วัด MACD มีแนวโน้มขาขึ้น ราคาของ YUSD กลับไม่ทำลายข้อความความสำเร็จและยังคงลดลงตามแนวโน้มของขาขึ้น
    • สัญญาณนี้อาจบ่งชี้ว่าตลาดอาจจะกลับมาขาลงในอนาคต