Parabolic Sar คือ อะไร ใช้ยังไง ใช้คู่กับอะไร สูตรคำนวณ การตั้งค่าที่เหมาะสม

Parabolic Sar คืออะไร

Parabolic SAR เป็นตัวชี้วัดทางเทคนิคที่ใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาในตลาดการเงิน โดยสร้างขึ้นโดย J. Welles Wilder ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์ทางเทคนิคชื่อดัง อินดิเคเตอร์นี้ช่วยระบุแนวโน้มของราคา และให้สัญญาณซื้อหรือขายในตลาด โดยการวางจุดบนแผนภูมิราคา ที่เมื่อราคาอยู่ด้านบนจะแสดงแนวโน้มขาลง และเมื่อราคาอยู่ด้านล่างจะแสดงแนวโน้มขาขึ้น การนำ Parabolic SAR มาใช้ในการตัดสินใจการเทรดควรเป็นการร่วมกับเครื่องมือและวิเคราะห์อื่นเพื่อเพิ่มความถูกต้องและเสถียรภาพในการตัดสินใจการลงทุน.

Parabolic SAR ถูกคิดค้นเพื่อแก้ปัญหาความช้าของสัญญาณในการบ่งชี้แนวโน้มในตลาด โดยเฉพาะในกลุ่มที่ใช้สัญญาณแสดงแนวโน้ม (Trend) ที่มีความล่าช้าหลังจากที่แนวโน้มของราคาเกิดขึ้นเป็นระยะเวลาหนึ่ง ตัวตัวชี้วัด Parabolic SAR ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มความเร่งของสัญญาณแนวโน้มเมื่อราคาทำสูงสุดหรือต่ำสุดใหม่ โดยพิจารณาค่าราคาและเวลาเป็นแนวทางหลัก โดยสัญญาณของ Parabolic SAR มีลักษณะคล้ายกับแบบจานหน้าเรียกว่า Parabolic Curve ซึ่งมีลักษณะการเคลื่อนที่เร็วขึ้นเมื่อราคาทำจุดสูงสุดหรือต่ำสุดใหม่ นั่นคือเมื่อแนวโน้มเปลี่ยน จุด Parabolic SAR จะเร่งเคลื่อนที่ใกล้ราคาปัจจุบันเพื่อสร้างแนวโน้มใหม่

Parabolic Sar ใช้ยังไง

Parabolic SAR เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่มีหลายประโยชน์ในการวิเคราะห์และการเทรดในตลาดการเงิน ด้วยคุณสมบัติต่าง ๆ ดังนี้

  1. ใช้ดูแนวโน้มของราคาคู่เงิน: Parabolic SAR ช่วยในการระบุแนวโน้มของราคาว่าเป็นขาขึ้นหรือขาลง โดยอาศัยจุด Parabolic SAR ที่วางบนกราฟราคา ถ้าจุดนี้อยู่ด้านล่างราคาปัจจุบัน แสดงว่าแนวโน้มเป็นขาขึ้น และถ้าจุดนี้อยู่ด้านบนราคาปัจจุบัน แสดงว่าแนวโน้มเป็นขาลง.
  2. ใช้บอกแนวโน้มและความแรงของการเคลื่อนไหวของกราฟราคา: การเคลื่อนไหวของจุด Parabolic SAR บนกราฟราคาสามารถบ่งบอกถึงความแรงของแนวโน้ม ถ้าจุดเคลื่อนที่เร็วมาก แสดงว่าแนวโน้มมีความเร็วและความแรงสูง ในขณะที่การเคลื่อนที่ช้าแสดงถึงความแรงน้อยลง.
  3. ใช้เป็นสัญญาณในการเข้าซื้อขายและจุดกลับตัวของแนวโน้ม: Parabolic SAR สร้างสัญญาณเมื่อเกิดการเปลี่ยนแนวโน้ม หรือตรงจุดที่แนวโน้มของราคากำลังเปลี่ยนทิศทาง เป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการตัดสินใจในการเข้าซื้อหรือขาย การซื้อสามารถทำเมื่อจุด Parabolic SAR ถูกวางอยู่ด้านล่างราคาปัจจุบัน และการขายสามารถทำเมื่อจุด Parabolic SAR ถูกวางอยู่ด้านบนราคาปัจจุบัน.
  4. บอกถึงความยาวของเทรน และจุดกลับตัว: ระยะห่างระหว่างจุด Parabolic SAR กับราคาปัจจุบันสามารถบ่งบอกถึงความยาวของแนวโน้ม และเมื่อจุด Parabolic SAR เคลื่อนที่ไปอยู่บนราคา จุดนั้นจะเป็นจุดกลับตัวของแนวโน้ม นั่นหมายความว่าถ้าราคาเกิดการขึ้นและมาถึงจุด Parabolic SAR ที่วางอยู่ด้านบน มักจะเป็นสัญญาณให้ระวังถึงความเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มเป็นขาลงหรือการแกว่งขึ้นของราคา.

Parabolic Sar ใช้คู่กับอะไร

Parabolic SAR มักถูกใช้คู่กับตัวชี้วัดทางเทคนิคอื่น ๆ เพื่อเสริมสร้างความถูกต้องในการวิเคราะห์แนวโน้มและสัญญาณการเทรด นี่คือตัวอย่างของวิธีการใช้ Parabolic SAR คู่กับอื่น ๆ ดังนี้

  1. Parabolic SAR คู่กับเส้นเทรนด์ (Trend Lines): เส้นเทรนด์เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ช่วยระบุแนวโน้มของราคา คุณสามารถใช้ Parabolic SAR เพื่อช่วยยืนยันแนวเทรนด์ที่ถูกต้อง ถ้า Parabolic SAR อยู่ด้านล่างราคาและราคาเลือกสัมผัสเส้นเทรนด์ขาขึ้น อาจเป็นสัญญาณเพื่อเข้าซื้อที่ถูกต้องในแนวโน้มขาขึ้น.
  2. Parabolic SAR คู่กับเส้นคลื่น (Moving Averages): เส้นคลื่น (Moving Averages) เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ช่วยระบุแนวโน้มของราคาในระยะเวลาที่รวมถึง เมื่อ Parabolic SAR ตัดข้างบนเส้นคลื่นเรียบร้อยและราคาเริ่มลงลงตามทางเส้นคลื่นของเส้นเทรนด์สามารถเป็นสัญญาณเข้าขาย.
  3. Parabolic SAR คู่กับแบนด์ (Bollinger Bands): แบนด์ของ Bollinger ใช้เพื่อวัดความแปรปรวนของราคา และสัมผัสขอบของแบนด์อาจสร้างสัญญาณว่าราคาอาจจะเปลี่ยนแนวโน้ม คุณสามารถใช้ Parabolic SAR เพื่อช่วยยืนยันสัญญาณนั้น.
  4. Parabolic SAR คู่กับตัวชี้วัดอื่น ๆ: คุณสามารถนำ Parabolic SAR มาคู่กับตัวชี้วัดอื่น เช่น Relative Strength Index (RSI) หรือ Moving Average Convergence Divergence (MACD) เพื่อสร้างระบบการเทรดที่มีความซับซ้อนมากขึ้นและครอบคลุมด้านความเร็วและความแรงของเคลื่อนไหว.

ตัวอย่าง

ตัวอย่างการใช้ Parabolic SAR คู่กับเส้นคลื่น (Moving Averages) ในกรณีของแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend)

      • ในกราฟราคา, Parabolic SAR อยู่ด้านล่างราคาและราคาปัจจุบันอยู่ข้างบนเส้นคลื่นเครื่องหมาย EMA (Exponential Moving Average) 50.
      • สัมผัสขอบบนของเส้นคลื่นเป็นสัญญาณว่าราคาอาจจะเริ่มเปลี่ยนแนวโน้มลง ซึ่งเป็นสัญญาณที่เพื่อนๆ เทรดเดอร์สามารถตรวจสอบสิ่งนี้ได้โดยใช้ Parabolic SAR ร่วมกับเส้นคลื่น.

สูตรคำนวณ Parabolic Sar

Parabolic SAR ถูกคำนวณขึ้นโดยใช้สูตรที่ซับซ้อน ตัวแปรสำคัญที่นำมาใช้คำนวณประกอบไปด้วยราคาสูงสุดในแต่ละวัน (High), ราคาต่ำสุดในแต่ละวัน (Low), ค่า Parabolic SAR ก่อนหน้า (Previous SAR), ค่าความเร่งเร็ว (Acceleration Factor), และค่าสูงสุดของค่าความเร่งเร็ว (Maximum Acceleration Factor). ดังนั้นสูตรคำนวณ Parabolic SAR จะมีรูปแบบดังนี้

แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend)

    • ค่าความเร่งเร็ว (Acceleration Factor) เริ่มต้นที่ 0.02
    • ค่าสูงสุดของค่าความเร่งเร็ว (Maximum Acceleration Factor) เริ่มต้นที่ 0.20

Parabolic SAR ในวันถัดไป = Parabolic SAR ก่อนหน้า + (ค่าความเร่งเร็ว * (ราคาสูงสุดในวันนี้ – Parabolic SAR ก่อนหน้า))

แนวโน้มขาลง (Downtrend)

    • ค่าความเร่งเร็ว (Acceleration Factor) เริ่มต้นที่ 0.02
    • ค่าสูงสุดของค่าความเร่งเร็ว (Maximum Acceleration Factor) เริ่มต้นที่ 0.20

Parabolic SAR ในวันถัดไป = Parabolic SAR ก่อนหน้า – (ค่าความเร่งเร็ว * (Parabolic SAR ก่อนหน้า – ราคาต่ำสุดในวันนี้))

สำหรับวันแรกของแนวโน้มใหม่ (Reverse), ค่าความเร่งเร็วจะถูกรีเซ็ตเป็นค่าเริ่มต้น และค่าสูงสุดของค่าความเร่งเร็วก็เพิ่มไปตามค่าเพิ่มที่กำหนดไว้ (Maximum Acceleration Factor) จนกระทั่งค่าความเร่งเร็วถึงค่าสูงสุดนั้น.

การตั้งค่าที่เหมาะสม Parabolic Sar

การตั้งค่าที่เหมาะสมสำหรับ Parabolic SAR จะขึ้นอยู่กับรูปแบบการเทรดและระยะเวลาที่คุณใช้ในการวิเคราะห์ นี่คือข้อแนะนำในการตั้งค่า Parabolic SAR ที่เหมาะสม

  1. Acceleration Factor (ค่าความเร่งเร็ว): ค่าเริ่มต้นที่แนะนำคือ 0.02 สำหรับแนวโน้มขาขึ้นและแนวโน้มขาลง ค่านี้เป็นค่าที่ใช้ในการเพิ่มความเร็วของ Parabolic SAR เมื่อราคายิ่งเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกัน.
  2. Maximum Acceleration Factor (ค่าสูงสุดของความเร่งเร็ว): ค่าเริ่มต้นที่แนะนำคือ 0.20 ค่านี้กำหนดความสูงสุดของค่าความเร่งเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้ค่าความเร่งเร็วเพิ่มเกินไปเมื่อราคาเปลี่ยนแปลงมาก.
  3. เลือกระยะเวลา: Parabolic SAR สามารถใช้ได้ในระยะเวลาต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับรูปแบบการเทรดของคุณ คุณควรทดลองใช้และปรับค่าต่าง ๆ ในระยะเวลาที่คุณสนใจ เช่น ช่วงเวลาสั้นเหมือน H1 หรือ M15 หรือระยะเวลายาว เช่น H4 หรือ D1 เพื่อหาค่าที่เหมาะสมกับแนวโน้มและสไตล์การเทรดของคุณ.
  4. ความระมัดระวังในกรณีการแกว่งราคา: หากคุณใช้ Parabolic SAR ในกรณีแนวโน้มแบบแกว่งราคา ค่าความเร่งเร็วและค่าสูงสุดของความเร่งเร็วอาจต้องถูกปรับให้เหมาะสมกับความแปรปรวนของราคาในสภาวะเช่นนี้.