hedging คือ fx hedging มีกี่ประเภท Partial hedge, Dynamic hedge, unhedge คืออะไร อธิบาย ยกตัวอย่างประกอบ

hedging คือ

“Hedging” เป็นคำศัพท์ทางการเงินและการลงทุนที่ใช้เพื่อลดความเสี่ยงของการสูญเสียทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงในราคาของทรัพย์สินหรือสินทรัพย์ทางการเงินต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่มีความผันผวนสูง การเป็นโดยธรรมชาติหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอาจมีผลต่อราคาและความคุ้มค่าของลงทุนในขณะที่ผลการลงทุนยังไม่เป็นที่ทราบอย่างแน่นอน การใช้งาน “hedging” มีเป้าหมายเพื่อลดความเสี่ยงในการสูญเสียทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลง

“Hedging” ในภาษาอังกฤษหมายถึง การป้องกันความเสี่ยงหรือการลดความเสี่ยงในการลงทุนหรือการดำเนินงาน โดยใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหรือแปรผันทางการเงินหรือตลาด เช่น ในการลงทุนในตลาดหุ้น นักลงทุนสามารถใช้เทคนิคการซื้อขายหลายแบบ เช่น การซื้อหุ้นและซื้อตัวเลือกขาย (call options) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลดมูลค่าของหุ้น หรือการซื้อหุ้นและซื้อตัวเลือกซื้อ (put options) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเพิ่มค่าของหุ้น

ตัวอย่าง hedging

สมมติว่าบริษัท ABC คาดว่าอัตราแลกเปลี่ยน (exchange rate) ระหว่างสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) และยูโร (EUR) อาจมีความผันผวนที่อาจส่งผลกระทบต่อกำไรและขาดทุนของธุรกิจในอนาคต บริษัท ABC ต้องการป้องกันความเสี่ยงนี้ด้วยการฮีดจ์ โดยใช้สัญญาซื้อขายแลกเปลี่ยน (swap contract) ดังนี้:

    1. บริษัท ABC จะทำสัญญาแลกเปลี่ยนอัตราแลกเปลี่ยน (currency swap) กับธนาคารหรือผู้ลงทุนอื่น ๆ เป็นเวลาหนึ่งปี ซึ่งเป็นระยะเวลาที่บริษัท ABC คาดว่าอาจมีความผันผวนในอัตราแลกเปลี่ยน
    2. ตามสัญญา, บริษัท ABC จะจ่ายดอลลาร์สหรัฐ (USD) ให้กับธนาคารเป็นจำนวนที่ถูกกำหนดล่วงหน้า ในแต่ละรอบการแลกเปลี่ยน (ก่อนที่อัตราแลกเปลี่ยนจริงจะเกิดขึ้น)
    3. โดยธนาคารหรือผู้ลงทุนจะจ่ายยูโร (EUR) ให้กับบริษัท ABC ตามอัตราแลกเปลี่ยนที่กำหนดล่วงหน้า

ผลลัพธ์ของการฮีดจ์ด้วยสัญญาแลกเปลี่ยนคือ:

    • ถ้าอัตราแลกเปลี่ยน USD/EUR เพิ่มขึ้น: บริษัท ABC จะได้รับเงิน USD มากขึ้นจากสัญญาแลกเปลี่ยน และจะต้องจ่ายยูโรน้อยลง ซึ่งช่วยเป็นการชดเชยกำไรที่สูญเสียจากการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน
    • ถ้าอัตราแลกเปลี่ยน USD/EUR ลดลง: บริษัท ABC จะได้รับเงิน USD น้อยลงจากสัญญาแลกเปลี่ยน และจะต้องจ่ายยูโรมากขึ้น ซึ่งช่วยป้องกันความเสี่ยงของการสูญเสียเมื่ออัตราแลกเปลี่ยนลดลง

ตัวอย่างเพิ่มเติม:

สมมติว่าคุณเป็นนักลงทุนที่สนใจในการเทรด EUR/USD (ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ) และคุณมีความคาดหวังว่าราคา EUR/USD จะเพิ่มขึ้นในอนาคต แต่คุณกลัวว่าอาจมีปัจจัยที่ไม่คาดคิดที่ส่งผลให้ราคาลดลง เพื่อป้องกันความเสี่ยงนี้คุณตัดสินใจที่จะใช้งานสัญญาตัวเลือกซื้อ (call option) สำหรับ EUR/USD ในระยะเวลา 3 เดือน ที่ระบุว่าคุณมีสิทธิซื้อ EUR/USD ที่ราคาเฉลี่ย 1.2000 ในระหว่างช่วง 3 เดือนนี้

ในกรณีนี้:

    • ถ้าราคา EUR/USD ในตลาดเพิ่มขึ้นเหนือราคาเฉลี่ยที่คุณกำหนดไว้ (1.2000), คุณไม่จำเป็นต้องใช้สิทธิซื้อและเพียงแค่คุณเสียค่าตัวเลือกที่คุณซื้อไว้
    • แต่ถ้าราคา EUR/USD ลดลงใต้ราคาเฉลี่ยที่คุณกำหนดไว้ (1.2000), คุณจะใช้สิทธิซื้อด้วยราคาเฉลี่ยที่ต่ำกว่าราคาปัจจุบัน ซึ่งช่วยลดการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการลดราคา

fx hedging มีกี่ประเภท

FX Hedging (Foreign Exchange Hedging) เป็นการป้องกันความเสี่ยงทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน (Exchange Rate) โดยมีหลายวิธีและกลไกที่สามารถใช้ในการฮีดจ์ความเสี่ยงในการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน ตัวอย่างของ FX Hedging ประเภทต่าง ๆ ได้แก่:

  1. Forward Contracts (สัญญาซื้อขายล่วงหน้า): คือการตกลงซื้อหรือขายสกุลเงินในอนาคตในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ที่ระบุวันที่สิ้นสุด หรือวันที่บริษัทต้องการที่จะแลกเปลี่ยนสกุลเงินนั้น การใช้ Forward Contracts ช่วยในการล็อคอัตราแลกเปลี่ยนและลดความเสี่ยงในการสูญเสียทางการเงิน
  2. Currency Swaps (สวอปส์): เป็นสัญญาแลกเปลี่ยนอัตราแลกเปลี่ยนและดอกเบี้ยระหว่างสองฝ่าย เช่น บริษัทจะแลกเปลี่ยนสกุลเงินกับธนาคารในระหว่างการคำนวณดอกเบี้ย โดยช่วยในการป้องกันความเสี่ยงทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยนและดอกเบี้ย
  3. Options Contracts (สัญญาตัวเลือก): เป็นสัญญาที่ให้สิทธิ์แก่ผู้ถือใช้ซื้อหรือขายสกุลเงินในอนาคตในราคาที่กำหนดไว้ โดยผู้ถือสัญญาตัวเลือกไม่มีความเป็นผู้ผูกพันที่จะทำการซื้อหรือขาย
  4. Money Market Hedge (การป้องกันทางการเงินในตลาดเงิน): คือการใช้สินทรัพย์ทางการเงินในตลาดเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน
  5. Cross Currency Swaps (สวอปส์สกุลเงินครอส): คือสวอปส์ที่เกิดขึ้นระหว่างสองธนาคารที่เปลี่ยนเงินกัน โดยทำการคำนวณดอกเบี้ยในสกุลเงินต่าง ๆ
  6. Foreign Currency Options (ตัวเลือกสกุลเงินต่างประเทศ): คือตัวเลือกที่ให้สิทธิ์แก่ผู้ถือในการซื้อหรือขายสกุลเงินต่างประเทศในอนาคต
  7. Multi-Currency Accounts (บัญชีหลายสกุลเงิน): การเปิดบัญชีที่ใช้สกุลเงินหลาย ๆ สกุลเพื่อลดความเสี่ยงในการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน

Partial hedge คืออะไร

Partial hedge หมายถึงการป้องกันความเสี่ยงทางการเงินโดยใช้เครื่องมือหรือกลไกที่ไม่ได้ป้องกันทั้งหมดแต่เพียงบางส่วนของความเสี่ยงเท่านั้น ในกรณีของการเป็นผู้ลงทุนหรือธุรกิจที่มีความเชื่อมโยงกับตลาดต่างประเทศ การฮีดจ์ความเสี่ยงทางอัตราแลกเปลี่ยนด้วยวิธี partial hedge จะช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน โดยไม่จำเป็นต้องฮีดจ์ทั้งหมด

Partial hedge (การฮีดจ์บางส่วน) คือการใช้กลไกการป้องกันความเสี่ยงทางการเงินเพื่อลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน แต่ไม่ได้ฮีดจ์ความเสี่ยงให้เป็นศูนย์สิบอย่างสมบูรณ์ กล่าวอีกนัยหนึ่ง การ Partial hedge หมายถึงการป้องกันความเสี่ยงบางส่วนเท่านั้น โดยอาจป้องกันเพียงบางส่วนของปริมาณเงินหรือสกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับการธุรกรรมนั้น ๆ ซึ่งอาจช่วยลดความผันผวนและความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนได้โดยไม่ต้องฮีดจ์ทั้งหมด

ตัวอย่าง partial hedge

สมมติว่า บริษัท XYZ ในประเทศ A กำลังเตรียมที่จะนำสินค้ามาจากประเทศ B และต้องจ่ายเงินในสกุลเงินประเทศ B เมื่อสินค้าถูกส่งมาถึง แต่อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินประเทศ A และประเทศ B มีความผันผวนสูง ทำให้บริษัท XYZ กังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคต

วิธีที่ XYZ สามารถทำ partial hedge ได้คือ การซื้อตัวเลือกสกุลเงินเพื่อฮีดจ์ความเสี่ยงบางส่วนของอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินประเทศ A และประเทศ B ในระยะเวลาที่กำหนดไว้. การซื้อตัวเลือกในกรณีนี้จะช่วยป้องกันความเสี่ยงในกรณีที่อัตราแลกเปลี่ยนขึ้นหรือลงเกินค่าที่กำหนดไว้ในตัวเลือก

Dynamic hedge คืออะไร

Dynamic hedge หมายถึงการปรับปรุงและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การฮีดจ์ (hedging strategy) ตลอดเวลาเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ทางการเงินและอัตราแลกเปลี่ยนที่เปลี่ยนแปลงอยู่ ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับการใช้เทคนิคและเครื่องมือทางการเงินเพื่อจัดการความผันผวนที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน โดยdynamic hedge มีประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงทางการเงินในรูปแบบที่คงไว้กับสภาวะการตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หรือกลไกตามความจำเป็นของสถานการณ์

ตัวอย่าง Dynamic hedge

สมมติว่าคุณเป็นผู้ลงทุนและคุณมีการลงทุนในหุ้นบริษัท ABC ในประเทศ A แต่บริษัท ABC มีธุรกิจที่มีการค้าขายกับตลาดต่างประเทศ ซึ่งทำให้บริษัท ABC ต้องจ่ายเงินในสกุลเงินประเทศ B เป็นค่าสินค้าและบริการ นื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินประเทศ A และประเทศ B มีความผันผวนสูง คุณกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคต

เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการเงินแบบ dynamic hedge คุณสามารถทำการป้องกันเพียงบางส่วนของความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนได้เช่นนี้

    1. การใช้สัญญาตัวเลือก: คุณซื้อสัญญาตัวเลือกในสกุลเงินประเทศ B เพื่อฮีดจ์ความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินประเทศ A และประเทศ B ในช่วงเวลาที่คุณระบุไว้ ถ้าอัตราแลกเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงไปเกินระดับที่คุณกำหนดในสัญญาตัวเลือก คุณจะสามารถใช้สัญญาตัวเลือกเพื่อซื้อสกุลเงินประเทศ B ในอัตราแลกเปลี่ยนที่ต่ำกว่าที่ตลาดเสนอในปัจจุบัน.
    2. การปรับพอร์ตโฟลิโอ: คุณสามารถปรับปรุงพอร์ตโฟลิโอของคุณในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง โดยการลดหรือเพิ่มการลงทุนในหลักทรัพย์อื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นของบริษัท ABC ในช่วงเวลาที่คุณคาดหวังว่าอัตราแลกเปลี่ยนจะมีความผันผวนมาก

unhedge คืออะไร

“Unhedge” หมายถึงการยกเลิกหรือเลิกทำการฮีดจ์ (hedge) ซึ่งเป็นการป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน โดยใช้เครื่องมือหรือกลไกต่าง ๆ เช่น การซื้อขายตัวเลือก การใช้สวอปส์ หรือกลยุทธ์อื่น ๆ ในการลดความผันผวนของราคาหรืออัตราแลกเปลี่ยน

เมื่อผู้ลงทุนหรือองค์กรทำการ unhedge ก็คือการยกเลิกหรือเลิกใช้กลยุทธ์หรือเครื่องมือที่ใช้ในการป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน ซึ่งอาจเกิดขึ้นเมื่อสถานการณ์หรือความเสี่ยงเปลี่ยนแปลง หรือเมื่อไม่ได้มีความจำเป็นในการป้องกันความเสี่ยงอีกต่อไป โดยการ unhedge อาจทำให้บุคคลหรือองค์กรเผชิญกับความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในราคาหรืออัตราแลกเปลี่ยนโดยตรง

ตัวอย่าง unhedge

สมมติว่าคุณเป็นผู้ลงทุนที่ได้ใช้กลยุทธ์การฮีดจ์ด้วยการซื้อตัวเลือกสกุลเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินประเทศ A และประเทศ B เมื่ออัตราแลกเปลี่ยนเปลี่ยนแปลง.

หลังจากสักเวลาหนึ่ง สถานการณ์ทางเศรษฐกิจหรือตลาดมีการเปลี่ยนแปลง และคุณรับรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงในราคาหรืออัตราแลกเปลี่ยนอาจไม่ได้มีผลต่อคุณอีกต่อไป ซึ่งอาจทำให้คุณตัดสินใจเพื่อยกเลิกหรือ “unhedge” การฮีดจ์ที่คุณได้ทำไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อให้เพิ่มความผันผวนในการลงทุนของคุณหรือรับความเสี่ยงทางอัตราแลกเปลี่ยนในระดับที่ตั้งใจ