Margin call คือ อะไร forex ล้างพอร์ต พอร์ตแตก หมายถึงอะไร ยกตัวอย่าง

Margin call คืออะไร

Margin call คือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในการซื้อขายหุ้นหรือการลงทุนในตลาดทุน โดยเฉพาะในการซื้อขายในระบบการค้าผ่านบัญชีการค้าเบิกเนต (margin account) ซึ่งผู้ลงทุนทำการยืมเงินจากโบรกเกอร์หรือบริษัทหลักทรัพย์เพื่อลงทุนมากขึ้นกว่าที่มีจริงในบัญชีของตนเอง (ที่เรียกว่าเงินต้น) ด้วยการจ่ายเงินมัดจำ (margin) เพียงส่วนเล็กส่วนหนึ่งของมูลค่าทรัพย์สินที่จะซื้อ ส่วนเงินที่ยืมเรียกว่า “เงินกู้” หรือ “เงินกองทุน” (borrowed funds) และผู้ลงทุนจะต้องชำระดอกเบี้ยในเงินกู้ดังกล่าว

Margin call เกิดขึ้นเมื่อมูลค่าของทรัพย์สินที่ลงทุนอยู่ในบัญชีการค้าเบิกเนตลดลงมากเพียงพอที่จะไม่สามารถปิดค่าเงินกู้ที่ถูกยืมไปได้ตามมูลค่าเงินต้นที่มีอยู่ ในกรณีนี้ โบรกเกอร์หรือบริษัทหลักทรัพย์จะต้องแจ้งผู้ลงทุนให้ทราบเพื่อให้ผู้ลงทุนทำการเพิ่มเงินมัดจำในบัญชีเพื่อรับมือกับค่าเงินกู้ที่เพิ่มขึ้น หากผู้ลงทุนไม่สามารถชำระเงินมัดจำเพิ่มเข้าไปในบัญชีหรือปรับทรัพย์สินในบัญชีให้มีมูลค่ามากขึ้นเพื่อลดค่าเงินกู้ โบรกเกอร์หรือบริษัทหลักทรัพย์อาจจะมีสิทธิ์ในการทำการขายทรัพย์สินในบัญชีของผู้ลงทุนโดยอัตโนมัติเพื่อชำระเงินกู้ และการขายทรัพย์สินเพื่อชำระเงินกู้อาจทำให้ผู้ลงทุนสูญเสียเงินทุนหรือกำไรที่เป็นไปได้จากการลงทุนนั้นๆ อย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตลาดในเวลานั้นๆ และมูลค่าทรัพย์สินที่ถูกขายไป

การซื้อขายใช้การยืมเงินมากขึ้นเมื่อเทรดเดอร์ใช้การเล่นการเงิน (leverage) ซึ่งอนุญาตให้ซื้อขายมูลค่าสูงกว่าเงินที่มีในบัญชีจริง จำนวนเงินที่เทรดเดอร์ต้องมีในบัญชีเป็นเงินมัดจำเพื่อรักษาตำแหน่งที่เปิดอยู่เป็นตัวรับประกัน โดยส่วนมากมีการกำหนดค่าเงินมัดจำเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าทรัพย์สินที่ซื้อขาย (margin requirement) เช่น 1%, 2%, หรือสูงกว่านั้นขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์

Margin call จะเกิดขึ้นเมื่อใด

Margin call จะเกิดขึ้นเมื่อมูลค่าของทรัพย์สินในบัญชีการเทรดของคุณลดลงมาถึงระดับที่ไม่สามารถรองรับค่าเงินมัดจำตามที่โบรกเกอร์กำหนดได้ สัมพันธ์ของ Margin call เกี่ยวข้องกับการใช้ Leverage (เงินยืม) เพื่อซื้อขายคู่สกุลเงินในตลาด Forex โดยผู้ลงทุนจะใช้เงินมัดจำเพื่อรับมือกับค่าเงินกู้ที่ใช้ในการซื้อขาย มูลค่าทรัพย์สินในบัญชีเทรดจะเป็นตัวแทนสำหรับเงินมัดจำนี้และต้องรองรับความสูญเสียที่เกิดขึ้นในกรณีตลาดเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ไม่คาดคิด

เมื่อมูลค่าทรัพย์สินในบัญชีลดลงและไม่สามารถรองรับค่าเงินมัดจำตามที่ต้องการ โบรกเกอร์จะทำการแจ้งเตือนผู้ลงทุนเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ผ่านทางอีเมลหรือข้อความ โดยผู้ลงทุนจะต้องดำเนินการเพิ่มเงินมัดจำให้ครอบคลุมค่าเงินกู้เพิ่มเข้าสู่บัญชีหรือปรับทรัพย์สินในบัญชีให้มีมูลค่ามากขึ้นเพื่อลดค่าเงินกู้ หากผู้ลงทุนไม่ดำเนินการในทางที่สอดคล้องกับคำแนะนำหรือข้อความของโบรกเกอร์ Margin call อาจทำให้โบรกเกอร์ทำการปิดออร์เดอร์ที่เปิดอยู่ของผู้ลงทุนเพื่อลดค่าเงินกู้และรักษาความมั่นคงของระบบการเทรดได้เพื่อให้คุณเข้าใจตัวอย่างของ Margin call ได้ชัดเจน เรามาดูตัวอย่างสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในการเทรด Forex

ตัวอย่าง

สมมติว่าคุณมีบัญชีการเทรดที่โบรกเกอร์กำหนดค่าเงินมัดจำ (margin requirement) คือ 1% ของมูลค่าทรัพย์สินที่คุณซื้อขาย คุณมีเงินในบัญชีเป็นจำนวน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (USD) และตัดสินใจที่จะใช้ Leverage 100:1 เพื่อเข้าซื้อขายคู่สกุล EUR/USD มูลค่า 100,000 ยูโร (EUR) ด้วยเงินยืมจากโบรกเกอร์.

ในกรณีนี้:

    • มูลค่าทรัพย์สินที่คุณซื้อขาย: 100,000 ยูโร (EUR)
    • เงินมัดจำที่ต้องใช้: 1% x 100,000 ยูโร = 1,000 ยูโร
    • เงินในบัญชี: 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (USD)

เมื่อตลาดเคลื่อนไหวทางลบและมูลค่าทรัพย์สินลดลง เช่น EUR/USD ลดลงจาก 1.1000 ถึง 1.0900 คุณสมมติว่ามูลค่าทรัพย์สินของคุณลดลงเป็น 90,000 ยูโร (EUR).

คำนวณ Margin Level: Margin Level = (Equity / Used Margin) x 100

    • Equity = มูลค่าทรัพย์สิน – ค่าเงินกู้ = 90,000 ยูโร – 1,000 ยูโร = 89,000 ยูโร
    • Used Margin = เงินมัดจำที่ใช้ = 1,000 ยูโร

Margin Level = (89,000 / 1,000) x 100 = 8900%

ในกรณีที่ Margin Level มีค่าต่ำกว่าร้อยละ 100% (ค่าเต็ม) โบรกเกอร์อาจจะทำการแจ้งเตือนคุณเกี่ยวกับสถานการณ์ Margin call และขอให้คุณฝากเงินมัดจำเพิ่มเข้าสู่บัญชี ถ้าคุณไม่ดำเนินการ โบรกเกอร์อาจทำการปิดออร์เดอร์ที่เปิดอยู่เพื่อลดค่าเงินกู้และรักษาความมั่นคงของระบบการเทรดในสถานการณ์ที่ไม่เพียงพอในบัญชีของคุณ

forex ล้างพอร์ต หมายถึงอะไร

การล้างพอร์ต” (Portfolio Wipeout) ในบรรดาการเงินและการลงทุน หมายถึงสถานการณ์ที่ผู้ลงทุนหรือเทรดเดอร์สูญเสียเงินทุกหรือส่วนหนึ่งของทรัพย์สินที่เข้ามาในบัญชีการลงทุนของตน ถึงขนาดที่เข้ามาสู่สถานการณ์ที่ไม่สามารถฟื้นคืนได้หรือเป็นไปได้ยาก เรียกว่า “ล้างพอร์ต” เพราะมักจะทำให้ทรัพย์สินทั้งหมดหรือส่วนใหญ่หายไปจากบัญชีอย่างเร็วและเข้าสู่สถานการณ์ที่ว่างเปล่า (wipeout).

การล้างพอร์ตอาจทำให้ผู้ลงทุนสูญเสียเงินและสิทธิ์ในการเทรดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในบัญชี เช่น หากมีการใช้ Leverage สูง 1:100 และทำการเทรดด้วยเงินมัดจำเพียง 1% ของมูลค่าทรัพย์สิน หากตลาดเปลี่ยนแปลงทิศทางในทิศทางที่ผิดพลาด การขาดทุนเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้เงินมัดจำไม่เพียงพอต่อการรักษาตำแหน่ง เมื่อมูลค่าทรัพย์สินลดลงลงไปถึงจุดที่ไม่สามารถรองรับค่าเงินมัดจำได้ ผู้ลงทุนจะพบกับ Margin call และถ้าไม่สามารถดำเนินการตามคำแนะนำหรือรับมือกับสถานการณ์นี้ได้ การล้างพอร์ตอาจเกิดขึ้น

ตัวอย่างของการล้างพอร์ต

สมมติว่าคุณมีบัญชีการเทรดที่มีเงินในบัญชีอยู่ทั้งสิ้น 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (USD) และคุณตัดสินใจที่จะใช้ Leverage 100:1 เพื่อเข้าซื้อขายคู่สกุล EUR/USD มูลค่า 100,000 ยูโร (EUR

ในตอนแรก:

    • มูลค่าทรัพย์สินที่คุณซื้อขาย: 100,000 ยูโร (EUR)
    • เงินในบัญชี: 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (USD)

เมื่อคู่สกุล EUR/USD ขึ้นลงเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งและค่าเงินมัดจำไม่เพียงพอต่อการรักษาตำแหน่ง เนื่องจากความผันผวนของตลาด การขาดทุนเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เงินมัดจำไม่เพียงพอต่อค่าเงินกู้ ณ จุดหนึ่งในเวลาที่ผ่านมา เงินมัดจำของคุณลดลงเป็น 8,000 ดอลลาร์สหรัฐ (USD)หากมูลค่าทรัพย์สินต่ำกว่า 8,000 ดอลลาร์สหรัฐ (USD) ท่านจะไม่สามารถรักษาตำแหน่งได้ และเมื่อมูลค่าทรัพย์สินลดลงมาที่จุดที่ไม่สามารถรองรับค่าเงินมัดจำตามที่โบรกเกอร์กำหนดได้ บัญชีของคุณจะถูกล้างพอร์ต ทรัพย์สินทั้งหมดหรือส่วนใหญ่อาจหายไปในกระบวนการเกิด Margin call.

forex ล้างพอร์ต จะเกิดขึ้นเมื่อใด

“ล้างพอร์ต” (Portfolio Wipeout) เกิดขึ้นเมื่อมูลค่าทรัพย์สินในพอร์ตการลงทุนลดลงไปถึงระดับที่ไม่สามารถฟื้นคืนค่าเงินมาได้ นั่นหมายความว่ามูลค่าทรัพย์สินในพอร์ตเป็นศูนย์หรือเหลือเพียงส่วนเล็กน้อยของมูลค่าเริ่มต้น สถานการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อผู้ลงทุนสูญเสียเงินในการลงทุนอย่างรวดเร็วและเรียกใช้มากเกินไปจนถึงจุดที่ไม่สามารถรองรับได้ การล้างพอร์ตสามารถเกิดขึ้นเนื่องจากสถานการณ์หลายสาเหตุ เช่น:

  1. การขาดทุนมากเกินไป: การสูญเสียเงินในการลงทุนอย่างรวดเร็วและมากเกินไปอาจทำให้มูลค่าทรัพย์สินในพอร์ตลดลงเร็ว ๆ ทำให้เงินไม่เพียงพอต่อการรักษาตำแหน่ง.
  2. ความผันผวนของตลาด: ตลาดทางการเงินมีความผันผวนสูง การเปลี่ยนแปลงในเหตุการณ์ทั่วโลกและเศรษฐกิจสามารถมีผลกระทบต่อมูลค่าทรัพย์สินในพอร์ตได้ การปรับเปลี่ยนที่ไม่คาดคิดอาจทำให้มูลค่าทรัพย์สินลดลงและส่งผลให้เงินไม่เพียงพอต่อการรักษาตำแหน่ง.
  3. การใช้ Leverage สูง: การใช้ Leverage สูงเพื่อเข้ารับมือกับการเทรดที่มีความผันผวนสูงอาจทำให้มูลค่าทรัพย์สินลดลงได้เร็วขึ้น ถ้ามูลค่าทรัพย์สินลดลงไปถึงระดับที่ไม่สามารถรองรับค่าเงินมัดจำตามที่กำหนดได้ ผู้เทรดอาจพบกับ Margin call.
  4. การสูญเสียในหลายตลาด: การลงทุนในหลายสินทรัพย์สินหรือตลาดที่มีความผันผวนสูงสามารถทำให้ผู้ลงทุนสูญเสียเงินในพอร์ตมากขึ้นในสถานการณ์ที่ความผันผวนแตกต่างกัน.

พอร์ตแตก หมายถึงอะไร

“พอร์ตแตก” (Portfolio Blowup) ในทางการเงินและการลงทุนหมายถึงสถานการณ์ที่ผู้ลงทุนหรือเทรดเดอร์สูญเสียเงินในมูลค่าทรัพย์สินในบัญชีการลงทุนของตนจนหมดหมดหรือสูญเสียมากเกินไป และเข้าสู่สถานการณ์ที่ไม่สามารถฟื้นคืนได้หรือเป็นไปได้ยาก นั่นหมายความว่าการพอร์ต (portfolio) หรือการลงทุนในหลายสินทรัพย์สินต่างๆ ได้รับผลกระทบที่รุนแรง และมูลค่าทรัพย์สินลดลงเป็นจำนวนมากหรือสูญเสียไปเสียหมด

ในการเทรด Forex การพอร์ตแตกอาจเกิดขึ้นเมื่อผู้เทรดสูญเสียเงินในมูลค่าทรัพย์สินในบัญชีการเทรดของตนในส่วนที่มีผลกระทบต่อบัญชีเป็นจำนวนมาก และเข้าสู่สถานการณ์ที่บัญชีไม่สามารถฟื้นคืนได้ นั่นอาจเกิดจากการใช้ Leverage สูงเกินไป, การไม่บริหารความเสี่ยงอย่างถูกต้อง, หรือการเข้ารับมือกับความผันผวนของตลาดไม่เหมาะสม.

ตัวอย่างของพอร์ตแตก

สมมติว่าคุณมีบัญชีการเทรดที่มีเงินในบัญชีอยู่ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ (USD) และคุณใช้ Leverage 100:1 เพื่อเข้าซื้อขายคู่สกุล GBP/USD มูลค่า 200,000 ปอนด์ (GBP)

เริ่มต้น:

    • เงินในบัญชี: 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ (USD)

ในขณะที่คู่สกุล GBP/USD ขึ้นลงเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งและค่าเงินมัดจำไม่เพียงพอต่อการรักษาตำแหน่ง เนื่องจากความผันผวนของตลาด ค่าเงินมัดจำของคุณลดลงไปเป็น 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เมื่อมูลค่าทรัพย์สินต่ำกว่า 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ (USD) และค่าเงินมัดจำไม่เพียงพอต่อการรักษาตำแหน่ง ณ จุดที่บัญชีไม่สามารถรองรับค่าเงินมัดจำตามที่โบรกเกอร์กำหนดได้ ผู้เทรดจะพบกับ Margin call.

พอร์ตแตก จะเกิดขึ้นเมื่อใด

การ “พอร์ตแตก” (Portfolio Blowup) สามารถเกิดขึ้นในหลายสถานการณ์และตามหลายสาเหตุ ดังนั้นเรามาดูว่าพอร์ตแตกสามารถเกิดขึ้นเมื่อใด:

  1. การขาดทุนสะสมมากเกินไป: พอร์ตแตกสามารถเกิดขึ้นเมื่อผู้ลงทุนขาดทุนในตำแหน่งการเทรดสะสมมากเกินไป ทำให้มูลค่าทรัพย์สินในบัญชีการเทรดลดลงจนหมดหมดหรือไม่สามารถรองรับค่าเงินมัดจำตามที่กำหนดได้ นั่นอาจเกิดจากการใช้ Leverage สูงเกินไปหรือการเทรดโดยไม่คำนึงถึงการบริหารความเสี่ยง.
  2. ความผันผวนของตลาด: ตลาด Forex มีความผันผวนสูง และความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและเหตุการณ์ทั่วโลกสามารถมีผลกระทบต่อค่าเงินคู่สกุลเงินได้ การผันผวนที่ไม่คาดคิดอาจทำให้ผู้เทรดสูญเสียเงินในมูลค่าทรัพย์สินในบัญชีแบบรวมมากขึ้นเร็ว ๆ เป็นต้น.
  3. การใช้ Leverage สูง: การใช้ Leverage สูงเพื่อเข้ารับมือกับตลาดที่มีความผันผวนสูงสามารถทำให้ความผันผวนของตลาดมีผลกระทบต่อมูลค่าทรัพย์สินในบัญชีของคุณมากขึ้น เมื่อค่าเงินมัดจำไม่เพียงพอต่อค่าเงินกู้ที่เกิดขึ้นจากการขาดทุน บัญชีของคุณอาจพบกับ Margin call และถ้าไม่มีการดำเนินการในทางที่เหมาะสม การพอร์ตแตกอาจเกิดขึ้น.
  4. การไม่บริหารความเสี่ยง: การไม่วางแผนการเงินและการเทรดอย่างถูกต้องอาจทำให้คุณไม่สามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดได้อย่างเหมาะสม และมีความเสี่ยงที่ค่าเงินมัดจำจะไม่เพียงพอต่อการรักษาตำแหน่ง นี่อาจเป็นสาเหตุให้เกิด Margin call และการพอร์ตแตก.