Protocol crypto คืออะไร มีอะไรบ้าง มีกี่แบบ อธิบายข้อมูล

“Protocol crypto” อาจจะไม่ได้เป็นคำที่เฉพาะเจาะจงในความหมาย แต่เมื่อพูดถึง “cryptographic protocol” หรือ “crypto protocol”, มันหมายถึง:

Cryptographic Protocol (โปรโตคอลการเข้ารหัสลับ): เป็นขั้นตอนหรือกฎที่กำหนดวิธีการที่สองฝ่ายหรือมากกว่านั้นจะต้องทำตามเพื่อให้สามารถสื่อสารกันได้อย่างปลอดภัยโดยใช้เทคนิคการเข้ารหัสลับ. โปรโตคอลเหล่านี้จะออกแบบมาเพื่อรับมือกับปัญหาเฉพาะที่เกี่ยวกับความปลอดภัยและการรักษาความลับ.

รายละเอียดของโปรโตคอลการเข้ารหัสลับอาจจะประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ เช่น:

  1. การยืนยันตัวตน (Authentication): การตรวจสอบว่าฝ่ายส่งหรือฝ่ายรับเป็นจริง และไม่ได้ถูกแก้ไขหรือแอบแฝงด้วยฝ่ายที่ไม่เป็นคู่ค้า.
  2. ความลับ (Confidentiality): การใช้เทคนิคการเข้ารหัสเพื่อปกป้องข้อมูลจากการถูกเข้าถึงโดยผู้ไม่ได้รับอนุญาต.
  3. ความครบถ้วน (Integrity): การตรวจสอบว่าข้อมูลไม่ได้รับการแก้ไขในระหว่างการส่งผ่าน.
  4. การปฏิเสธไม่ได้ (Non-repudiation): การยืนยันว่าฝ่ายส่งไม่สามารถปฏิเสธว่าไม่ได้ส่งข้อมูลหรือข้อความนั้น.

ตัวอย่างของโปรโตคอลการเข้ารหัสลับที่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางได้แก่ SSL/TLS (ที่ใช้กับการสื่อสารบนเว็บ), SSH (สำหรับการเข้าสู่ระบบแบบปลอดภัย), และ PGP (สำหรับการเข้ารหัสอีเมล)

protocol crypto คืออะไร
protocol crypto คืออะไร

โปรโตคอล คืออะไร

เมื่อพูดถึงโปรโตคอลในความหมายของคอมพิวเตอร์และการสื่อสาร โปรโตคอลหมายถึงรายการของกฎ ขั้นตอน และมาตรฐานที่ได้ถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้เครื่องจักรหรือโปรแกรมต่าง ๆ สามารถสื่อสารระหว่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย.

  1. ความเป็นมาตรฐาน: โปรโตคอลเป็นคำตกลงหรือมาตรฐานที่ถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยผู้ผลิตต่าง ๆ สามารถทำงานร่วมกันได้.
  2. ภาษากลาง: เหมือนกับการที่คนในประเทศต่าง ๆ มีภาษาแม่เป็นของตนเอง, คอมพิวเตอร์ที่มีการออกแบบและผลิตโดยผู้ผลิตต่าง ๆ อาจจะมีวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน. แต่โดยมีโปรโตคอล, ทำให้เครื่องจักรเหล่านี้สามารถตีความหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกันได้.
  3. OSI Layer: การที่คุณยกตัวอย่างถึง OSI Layer แสดงถึงวิธีการที่เราจัดการและแยกแยะการสื่อสารเป็นชั้น ๆ ตามความซับซ้อน. OSI Layer ประกอบด้วย 7 ชั้น, แต่ละชั้นมีหน้าที่และแสดงถึงการทำงานที่แตกต่างกัน.
  4. ประเภทของโปรโตคอล: มีโปรโตคอลหลายประเภทที่ใช้ในงานต่าง ๆ เช่น HTTP สำหรับการสื่อสารบนเว็บ, FTP สำหรับการถ่ายโอนไฟล์, หรือ TCP/IP ที่เป็นพื้นฐานของการสื่อสารบนอินเตอร์เน็ต.

โปรโตคอลเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการทำให้เครื่องจักรหรือซอฟต์แวร์ต่าง ๆ สามารถ”พูด” หรือสื่อสารร่วมกันได้ในโลกดิจิทัล

 

โปรโตคอลแบ่งยังไง

โปรโตคอลหรือ “Protocol” ในทางคอมพิวเตอร์และเครือข่าย คือ ชุดของกฎและมาตรฐานที่ใช้สำหรับการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ในเครือข่าย หรือระหว่างระบบต่าง ๆ ซึ่งเมื่อพูดถึงโปรโตคอลในรูปแบบที่ทำให้เราเข้าใจได้ง่ายที่สุด หลายคนนิยมใช้การอธิบายผ่านทางรูปแบบของ OSI Model หรือ Open Systems Interconnection Model ซึ่งประกอบด้วยเลเยอร์ 7 ชั้น

  1. Physical Layer (ระดับกายภาพ): จัดการกับสัญญาณและการส่งข้อมูลผ่านสื่อการสื่อสาร เช่น สายเคเบิล, วิทยุ, แสงเลเซอร์ ฯลฯ
  2. Datalink Layer (ระดับการเชื่อมโยงข้อมูล): จัดการเรื่องการส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ในเครือข่ายแบบใกล้ชิด เช่น การส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในเครือข่าย LAN เดียวกัน
  3. Network Layer (ระดับเครือข่าย): รับผิดชอบเรื่องการส่งข้อมูลระหว่างเครือข่ายต่าง ๆ หรือระหว่างเซิร์ฟเวอร์
  4. Transport Layer (ระดับการขนส่ง): จัดการเรื่องการแบ่งข้อมูลเป็นส่วน ๆ และรวมส่วนเหล่านั้นกลับเป็นข้อมูลเต็มรูปแบบ
  5. Session Layer (ระดับเซสชัน): จัดการเรื่องการเชื่อมต่อ และรักษาสถานะของการเชื่อมต่อนั้น
  6. Presentation Layer (ระดับการนำเสนอ): จัดการเรื่องการแปลงข้อมูลให้สามารถนำเสนอหรือใช้งานได้
  7. Application Layer (ระดับแอปพลิเคชัน): ติดต่อกับโปรแกรมประยุกต์หรือแอปพลิเคชันที่ทำงานบนคอมพิวเตอร์

การทำความเข้าใจในแต่ละเลเยอร์และฟังก์ชันของมันจะช่วยให้คุณเข้าใจมากขึ้นในเรื่องของการทำงานของโปรโตคอลและการสื่อสารระหว่างเครือข่ายในโลกดิจิทัล

 

ประเภทของ Network Protocol และการนำไปใช้

การสื่อสารข้ามเครือข่ายคอมพิวเตอร์หรือการส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ต้องมีเกณฑ์และมาตรฐานที่ชัดเจนเพื่อให้การสื่อสารเป็นไปได้โดยมีประสิทธิภาพและถูกต้อง ในที่นี้ คือ Network Protocol ซึ่งเป็นเหมือนกับภาษาที่อุปกรณ์ในเครือข่ายใช้ในการสื่อสารกัน มาดูแต่ละประเภทและความสำคัญของมัน:

  1. Communication Protocol (โปรโตคอลการสื่อสาร)
    • เป็นโปรโตคอลที่ใช้ในการสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ ตัวอย่างเช่น HTTP, FTP, SMTP และอื่นๆ
    • ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและเพื่อความเสถียรในการส่งข้อมูล
    • เป็นพื้นฐานสำคัญในการให้อุปกรณ์ต่างๆ สื่อสารกันได้
  2. Management Protocol (โปรโตคอลการจัดการ)
    • ใช้ในการระบุ ติดตาม และจัดการกับเครือข่าย เช่น SNMP (Simple Network Management Protocol) ที่ใช้จัดการและติดตามอุปกรณ์ในเครือข่าย
    • ช่วยในการตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้นกับเครือข่าย และในการควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ
  3. Security Protocol (โปรโตคอลความปลอดภัย)
    • มุ่งเน้นไปที่การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและการสื่อสารข้ามเครือข่าย เช่น HTTPS, SSL, TLS
    • ช่วยป้องกันการเข้าถึงไม่อนุญาต การเปลี่ยนแปลงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการโจมตีทางไซเบอร์
    • บางโปรโตคอลยังช่วยในการรักษาความเป็นส่วนตัวและการรักษาความคิดเห็น

การทำความเข้าใจ Network Protocol และความสำคัญของมัน จะช่วยให้เราสามารถจัดการ ติดตั้ง และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับเครือข่ายได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

 

ตัวอย่างของ Protocol

Communication Protocol

  • HTTP (Hypertext Transfer Protocol): เป็นส่วนสำคัญของ World Wide Web ทำหน้าที่ในการสื่อสารระหว่างเบราว์เซอร์และเว็บเซิร์ฟเวอร์ โดยที่ HTTP ไม่มีการเข้ารหัส.
  • TCP (Transmission Control Protocol): โปรโตคอลที่ใช้ในการส่งข้อมูลแบบมีการยืนยัน (reliable) ทำให้แน่ใจว่าข้อมูลถูกส่งถึงปลายทางถูกต้องและครบถ้วน.
  • UDP (User Datagram Protocol): ทำงานได้รวดเร็วกว่า TCP แต่ไม่มีการยืนยัน มักใช้ในการส่งข้อมูลที่ต้องการความรวดเร็วเช่น การสื่อสารแบบวีดีโอหรือเสียง.
  • IRC (Internet Relay Chat): ใช้สำหรับการสื่อสารแบบ real-time ที่มุ่งเน้นไปที่การแชทเป็นหลัก.

Management Protocol

  • SNMP (Simple Network Management Protocol): โปรโตคอลที่ใช้ในการจัดการอุปกรณ์ในเครือข่าย เช่น router, switch โดยให้แสดงข้อมูลการทำงาน, สถานะ, และการแจ้งเตือนต่างๆ.
  • ICMP (Internet Control Message Protocol): ทำหน้าที่ในการรายงานความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในเครือข่าย เช่น “destination unreachable” หรือใช้เพื่อตรวจสอบการติดต่อเครือข่ายด้วยคำสั่ง ping.

Security Protocol

  • SSL (Secure Sockets Layer): ป้องกันการต่อสัมพันธ์ระหว่าง client-server ให้เป็นแบบเข้ารหัส เพื่อป้องกันการดักฟังข้อมูล.
  • SFTP (Secure File Transfer Protocol): โปรโตคอลสำหรับการถ่ายโอนไฟล์แบบมีการเข้ารหัส ปกป้องข้อมูลจากการถูกดักฟังหรือการประสงค์ร้าย.
  • HTTPS (Hypertext Transfer Protocol Secure): เป็นการรวมระหว่าง HTTP และ SSL/TLS เพื่อเสนอเว็บเพจแบบเข้ารหัส ป้องกันข้อมูลจากการถูกดักฟังหรือประสงค์ร้าย.

การเข้าใจว่าโปรโตคอลแต่ละแบบมีความสำคัญและหน้าที่อย่างไรจะช่วยให้คุณสามารถนำเสนอและออกแบบระบบเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเน้นการป้องกันความปลอดภัยในขณะเดียวกัน.

 

Protocol ในวงการ Blockchain

Blockchain Protocol ในวงการคริปโตทำหน้าที่หลักในการกำหนดระเบียบวิธีและกฎกติกาในการสื่อสารและยืนยันธุรกรรมภายในเครือข่ายบล็อกเชน. พื้นฐานของ Protocol นี้คือการสร้างความเชื่อถือและปลอดภัยในระบบที่เป็นแบบกระจายศูนย์.

ปัจจัยหลักที่เน้นของ Blockchain Protocol ได้แก่:

  1. การยืนยันธุรกรรม: การทำให้แน่ใจว่าธุรกรรมที่ถูกส่งมานั้นถูกต้องและไม่ถูกปลอมแปลง.
  2. การคนสิทธิ์: กำหนดผู้ใช้ที่มีสิทธิ์ในการเข้าถึงและทำธุรกรรมภายในเครือข่าย.
  3. การควบคุมความน่าเชื่อถือ: สร้างความไว้วางใจให้กับผู้ใช้งานที่ธุรกรรมที่ทำมานั้นถูกบันทึกและไม่สามารถถูกเปลี่ยนแปลงได้.

ตัวอย่าง Blockchain Protocol ที่น่าสนใจ:

  1. Bitcoin Protocol: กำหนดการทำงานของเครือข่าย Bitcoin และการสร้างธุรกรรม.
  2. Ethereum Protocol: นอกจากการเป็น Protocol สำหรับเครือข่าย Ethereum ยังรองรับ Smart Contracts ซึ่งเป็นโปรแกรมที่สามารถรันบนเครือข่าย Ethereum ได้.
  3. Consensus Protocols: เช่น Proof of Work (PoW), Proof of Stake (PoS), Delegated Proof of Stake (DPoS) เป็นต้น ซึ่งเป็นวิธีการในการยืนยันธุรกรรมและปกป้องเครือข่ายจากการโจมตี.

ประเภทของ crypto ที่ใช้ในวงการ

EOS

EOS ออกแบบมาสำหรับการสร้างและการทำงานของ decentralized applications (DApps). EOS มีเป้าหมายที่จะอำนวยความสะดวกในการสร้างและขยายขนาด DApps ด้วยการมอบการประมวลผลแบบระบบขนานและการจัดการการเข้าถึงข้อมูลฐานข้อมูล. จุดเด่นของ EOS คือสามารถจัดการการทำธุรกรรมได้ในปริมาณมากๆ ภายในหนึ่งวินาทีและไม่มีค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม.

Tezos

Tezos คือโปรโตคอลบล็อกเชนที่มีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนและอัพเดทโดยไม่ต้องทำการ hard fork. ที่สำคัญ Tezos มีการบริหารจัดการด้วยระบบการโหวตที่ให้สมาชิกในเครือข่ายมีส่วนร่วม.

Polkadot

Polkadot ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นโปรโตคอลบล็อกเชนที่สามารถเชื่อมต่อระหว่างบล็อกเชนต่างๆ. มันเน้นที่ความสามารถในการทำงานร่วมกันของเครือข่ายบล็อกเชนต่างๆ ทำให้สามารถแชร์ข้อมูลและฟังก์ชันระหว่างเครือข่าย.

Binance Smart Chain (BSC)

โปรโตคอลนี้พัฒนาโดย Binance, ซึ่งเป็นหนึ่งในการแลกเปลี่ยนคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก. BSC ถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการสร้าง DApps และสมาร์ทคอนแทรกท์.

Cardano

Cardano เป็น blockchain ที่มุ่งเน้นที่ความปลอดภัยและการทำงานร่วมกันระหว่างบล็อกเชน. มันใช้ระบบการประมวลผลที่ใช้วิธีการพิสูจน์สิทธิ์จากการถือสัดส่วน (Proof-of-Stake) เรียกว่า Ouroboros.

แต่ละโปรโตคอลมีความเป็นเอกลักษณ์และคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ซึ่งทำให้มีเหตุผลและความต้องการสำหรับการใช้งานในสถานการณ์ที่ต่างกัน