Proof of Stake (PoS) คืออะไร คุณสมบัติของ กระบวนการ เหรียญมีอะไรบ้าง

Proof of Stake (PoS) คืออะไร

Proof of staking คือ อะไร ต่างจาก pow อย่างไร
Proof of staking คือ อะไร ต่างจาก pow อย่างไร

Proof-of-Stake (PoS) เป็นกลไกในการยืนยันและสร้างบล็อกบนบล็อกเชน ที่มีความแตกต่างจากวิธีที่เรียกว่า Proof-of-Work (PoW). ในระบบ PoS, ไม่มีการใช้พลังงานมาก ๆ ในการคำนวณหรือ “ขุด” เหมือน PoW, แต่แทนที่จะขุด, ระบบจะให้ผู้เข้าร่วมเดิมพันโทเค็นหรือเหรียญที่ตนเองถือครอง เพื่อโอกาสในการยืนยันธุรกรรมและสร้างบล็อกใหม่

ใน PoS, ผู้ที่เดิมพันโทเค็นเฉพาะจำนวนจะได้รับการพิจารณาเป็น “Validator” หรือผู้ตรวจสอบความถูกต้อง. ผู้ตรวจสอบคนนี้จะเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรมและเสนอบล็อกใหม่ต่อเครือข่ายบล็อกเชน. ถ้าบล็อกที่พวกเขาสร้างถูกยืนยันโดยเครือข่าย, พวกเขาจะได้รับรางวัลในรูปแบบของเหรียญหรือโทเค็น

สิ่งที่ทำให้ PoS น่าสนใจและมีความปลอดภัยคือ: หากผู้ตรวจสอบความถูกต้องพยายามสร้างบล็อกที่ไม่ถูกต้องหรือเข้าความสวัสดิการส่วนตัว, โทเค็นที่เขาเดิมพันอาจจะถูกปรับฉวย. นั่นคือ, พวกเขามีรางวัลในการทำงานอย่างถูกต้องและเสียหายถ้าพวกเขาพยายามโกง

ระบบ PoS ช่วยลดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานของ PoW ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม. ด้วยการยืนยันแบบ PoS, การประมวลผลธุรกรรมบนบล็อกเชนกลายเป็นระบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และยังส่งเสริมการรักษาความปลอดภัยและความเสถียรภาพในเครือข่าย

ความสำคัญ

Proof-of-Stake (PoS) เป็นกลไกในการยืนยันธุรกรรมและสร้างบล็อกบนบล็อกเชน ที่แตกต่างจาก Proof-of-Work (PoW) ในส่วนของการใช้พลังงานและระบบการเดิมพันเป็นหลักประกันในการทำงานของเครือข่าย.

ในระบบ PoW, นักขุดจะต้องใช้พลังการประมวลผลมากเพื่อแก้ปัญหาคณิตศาสตร์เพื่อยืนยันธุรกรรมและสร้างบล็อกใหม่ ขณะเดียวกัน PoS จะให้สมาชิกภายในเครือข่าย (หรือ “ตัวตรวจสอบความถูกต้อง”) เดิมพันหรือใช้สกุลเงินดิจิทัลเป็นหลักประกันเพื่อได้รับสิทธิ์ในการยืนยันธุรกรรมและสร้างบล็อกใหม่.

ความโดดเด่นของ PoS คือความสามารถในการป้องกันไม่ให้ตัวตรวจสอบความถูกต้องที่มีสกุลเงินดิจิทัลมากที่สุดครอบครองอำนาจในเครือข่าย ด้วยการเลือกตัวตรวจสอบความถูกต้องตามหลักประกัน อายุเหรียญ และขั้นตอนการเลือกแบบสุ่ม เพื่อให้ความสัมพันธ์และความเสี่ยงเกี่ยวกับการสร้างบล็อกแบ่งปันอย่างเท่าเทียมกันในเครือข่าย.

เมื่อตัวตรวจสอบความถูกต้องถูกเลือก ธุรกรรมที่ยังไม่ได้รับการยืนยันจะถูกตรวจสอบ และบล็อกใหม่จะถูกสร้างขึ้น โดยเครือข่ายอื่นๆ จะยืนยันความถูกต้องของบล็อกนี้ และหลังจากที่บล็อกได้รับการยืนยันโดยเครือข่าย ตัวตรวจสอบความถูกต้องสามารถดึงเงินเดิมพันและรับรางวัลได้

เน้นความปลอดภัย และประหยัดพลังงาน PoS เป็นกลไกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นภายในวงการบล็อกเชน และเป็นแนวทางที่หลายโครงการเลือกใช้เพื่อรองรับการขยายตัวของเครือข่าย

 

ข้อดีข้อเสีย

ข้อดี

Proof of Stake (PoS) เป็นหนึ่งในกลไกการทำความเข้าใจในระบบบล็อกเชน ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นทางเลือกที่ดีกว่า Proof of Work (PoW) ในบางสถานการณ์ ต่อไปนี้เป็นข้อดีของ Proof of Stake:

  1. ประหยัดพลังงาน: ปัญหาใหญ่ของ PoW คือการใช้พลังงานมากมายในการขุด ซึ่ง PoS ได้แก้ปัญหานี้ด้วยการใช้ระบบเดิมพันเพื่อคัดเลือกผู้สร้างบล็อกใหม่ แทนการใช้การคำนวณที่ซับซ้อน
  2. การกระจายอำนาจ: ใน PoW มีโอกาสที่กลุ่มขุดเล็กๆ จะไม่สามารถแข่งขันกับกลุ่มขุดใหญ่ๆ ได้ เนื่องจากความต้องการของอุปกรณ์ แต่ PoS ช่วยกระจายอำนาจนี้ออกไปยังผู้ที่ถือสินทรัพย์ภายในเครือข่าย
  3. ความปลอดภัย: ระบบ PoS สามารถทำให้การโจมตีแบบ 51% มีความยากมากขึ้น เนื่องจากต้องการการลงทุนสูงเพื่อครอบครองสินทรัพย์มากๆ ภายในเครือข่าย
  4. เพิ่มความสามารถในการปรับขนาด: ระบบ PoS มีโอกาสที่จะขยายขนาดได้ง่ายกว่า PoW โดยไม่ต้องเพิ่มความซับซ้อนหรือการใช้พลังงาน
  5. เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม: เนื่องจากไม่ต้องใช้การขุดและการใช้พลังงานมาก ทำให้ PoS มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า
  6. เปิดโอกาสให้กับผู้ใช้ทั่วไป: ผู้ใช้ที่ไม่มีอุปกรณ์ขุดสามารถมีส่วนร่วมในระบบได้ ด้วยการถือหรือเดิมพันเหรียญของพวกเขาเพื่อรับรางวัล
  7. ความยั่งยืน: ไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์ขุดที่สามารถเก่าเกินไปหรือไม่เหมาะสม ทำให้เครือข่ายมีความยั่งยืนยาวนาน

ควรจำไว้ว่า PoS ยังมีข้อเสียและความท้าทายบางประการ แต่ข้อดีที่กล่าวมาเป็นเหตุผลที่หลายๆ ระบบบล็อกเชนเลือกที่จะนำมาใช้หรือย้ายไปใช้ PoS แทน PoW

 

ข้อเสีย

Proof of Stake (PoS) มีข้อเสียและความท้าทายในการใช้งาน ดังต่อไปนี้:

  1. การเข้ารวมกลุ่ม: ในระบบ PoS, ผู้ที่มีสินทรัพย์มากมักมีโอกาสที่จะได้รับรางวัลมากขึ้นด้วย เนื่องจากพวกเขาสามารถเดิมพันเยอะๆ ได้ สิ่งนี้อาจทำให้เกิดการรวมกลุ่มของผู้ถือสินทรัพย์ในเครือข่าย ซึ่งอาจลดการกระจายอำนาจ
  2. “แห้งปัญหาน้อยน่าน” (Nothing at Stake Problem): ในการยืนยันการทำธุรกรรม, ผู้เข้าร่วม PoS ไม่มีโ incentive ที่จะตัดสินใจถูกต้อง และอาจจะพยายามยืนยันทุกสายการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับรางวัล
  3. ปัญหาการราบรื่น (Long-Range Attack Problem): ใน PoS, ถ้าผู้ร้ายสามารถควบคุมส่วนใหญ่ของเครือข่ายได้ เขาสามารถสร้างสายเวลาที่เป็นไปได้ที่ย้อนกลับไปในอดีต ทำให้เกิดการทำธุรกรรมคืน
  4. การขาดความเข้าใจ: การแปลงจากระบบ PoW ไปยัง PoS หรือการเริ่มต้นด้วย PoS อาจส่งผลให้มีความยากในการเข้าใจและรับรู้
  5. การย้ายเปลี่ยน: สำหรับเครือข่ายที่ต้องการเปลี่ยนจาก PoW ไปเป็น PoS, การย้ายเปลี่ยนนี้อาจเกิดปัญหาและความไม่สามารถในการเข้าสู่ตลาด
  6. ความจำเป็นในการควบคุมสินทรัพย์: เพื่อให้สามารถมีส่วนร่วมใน PoS จำเป็นต้องมีการถือสินทรัพย์ ซึ่งอาจจำกัดผู้ที่ไม่มีสินทรัพย์หรือมีไม่มากนัก
  7. ปัญหาการเสนอแนะ: โหนดที่มีสินทรัพย์มากๆ อาจมีโอกาสได้รับการเสนอแนะบ่อยครั้ง เพื่อให้ได้รับรางวัลมากขึ้น อาจทำให้การกระจายอำนาจในเครือข่ายน้อยลง

การเลือกระบบการยืนยันอย่าง PoS หรือ PoW จะขึ้นอยู่กับความต้องการและข้อจำกัดของเครือข่ายแต่ละแบบ ทั้งสองรูปแบบยังมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกเล่นกลไกต่างๆ ควรพิจารณาด้วยความรอบคอบและความเข้าใจเต็มที่

Proof of Stake ปลอดภัยหรือไม่

การโจมตีและรักษาความปลอดภัยในเครือข่าย blockchain ทั้งแบบ Proof-of-Work (PoW) และ Proof-of-Stake (PoS) มีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อไปนี้คือความสำคัญและแนวคิดในการป้องกันการโจมตีในทั้งสองรูปแบบ:

  1. Proof-of-Work (PoW):
    • การโจมตี 51%: ในเครือข่าย PoW, หากคุณสามารถควบคุมพลังการประมวลผลได้มากกว่า 51% คุณจะมีอำนาจในการควบคุมเครือข่ายทั้งหมด ซึ่งอาจนำไปสู่การปฏิเสธธุรกรรม, ปรับเปลี่ยนบันทึก, หรือการใช้จ่ายสองเท่า.
    • ความปลอดภัยกับ Bitcoin: ตัวอย่างเช่น Bitcoin ที่ใช้ PoW, มีพลังการประมวลผลจากโหนดการขุดทั่วโลก ทำให้การโจมตี 51% ทำได้ยากมาก.
  2. Proof-of-Stake (PoS):
    • การโจมตีด้วยส่วนใหญ่ของโทเค็น: ถ้าโหนดที่เป็นอันตรายควบคุมโทเค็นมากกว่า 51%, ตัวนั้นจะสามารถควบคุมเครือข่ายได้ แต่การได้รับโทเค็นจำนวนมากแบบนั้นมีความยากเพราะอาจทำให้ราคาโทเค็นสูงขึ้นและลดความน่าเชื่อถือของเครือข่าย.
    • การสมรู้ร่วมคิด: สำหรับการพยายามควบคุมเครือข่ายผ่าน PoS, โหนดจำเป็นต้องสมรู้ร่วมคิดกับโหนดอื่นๆ เพื่อควบคุมโทเค็นมากกว่า 51%.
    • บทลงโทษ: เครือข่าย PoS มีการกำหนดบทลงโทษสำหรับโหนดที่พยายามโกง เพื่อทำให้การโจมตีเป็นไปยากขึ้น และปรับปรุงปัญหา Nothing at Stake.

ถึงแม้ว่าทั้ง PoW และ PoS จะมีจุดอ่อนและจุดแข็งเฉพาะเจาะจง แต่สำหรับสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดสูง, การโจมตี 51% นั้นถือว่าเป็นไปยากมาก. การรักษาความปลอดภัยเป็นหนึ่งในวัตถุประสงค์หลักของ blockchain และต้องได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาความน่าเชื่อถือ

ปัญหาของ PoS ที่อาจจะเกิดขึ้น

กลไกฉันทามติของ PoS (Proof of Stake) ให้ข้อได้เปรียบทางด้านการใช้พลังงานและความปลอดภัยในบางเรื่อง แต่ยังมีข้อกังวลและปัญหาที่ตามมาดังนี้:

  1. ความไม่เท่าเทียมของโทเค็น: มักถูกวิจารณ์ว่า PoS ทำให้คนรวยรวยขึ้นและคนจนจนลง เนื่องจากผู้ที่ถือโทเค็นจำนวนมากมีโอกาสสูงที่จะได้สร้างบล็อกและรับรางวัลเพิ่มเติม ซึ่งทำให้ความไม่เท่าเทียมกันของความมั่งคั่งในระบบยิ่งลึกซึ้งขึ้น
  2. การแกว่งตลาด: เมื่อราคาโทเค็นลดลง, รางวัลสำหรับโหนดที่เดิมพันอาจไม่พอที่จะชดเชยค่าใช้จ่าย ทำให้มีโหนดหลายๆ เครื่องยกเลิกการเดิมพันและขายโทเค็น เป็นไปได้ว่าสภาพนี้อาจทำลายความปลอดภัยของเครือข่าย
  3. กลวิธีปั่นราคา: ถ้าโหนดที่มีการเดิมพันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว, อาจทำให้เกิดการขาดแคลนโทเค็นในตลาด และผลักดันราคาขึ้น ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะถูกนำไปใช้เป็นกลวิธีเพื่อแกว่งตลาดโดยทีมพัฒนา
  4. เปรียบเทียบกับ PoW: แม้ว่า PoS จะมีข้อได้เปรียบในบางเรื่อง แต่กลไก PoW ในด้านอื่นๆ อาจมีความเสถียรกว่า และมีโอกาสน้อยกว่าที่จะเผชิญกับปัญหาที่เกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมของความมั่งคั่ง

ทั้งนี้ทั้งสองกลไกยังมีจุดเด่นและข้อจำกัดเฉพาะตน ควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนการใช้งานในครั้งแรก