Decentralized Exchange (DEX) คืออะไร มีอะไรบ้าง อธิบายข้อมูลอย่างละเอียด

Decentralized Exchange (DEX) คืออะไร มีอะไรบ้าง
Decentralized Exchange (DEX) คืออะไร มีอะไรบ้าง

Decentralized Exchange คืออะไร

Decentralized Exchange (DEX) คือ ระบบการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ทางการเงินที่ไม่มีตัวกลางควบคุม ใน DEX การซื้อขายสินทรัพย์ดำเนินการผ่านบล็อกเชนและสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) โดยไม่ต้องพึ่งพาบริษัทหรือหน่วยงานกลางอื่นใด ต่างจากตลาดแลกเปลี่ยนแบบรวมอำนาจ (Centralized Exchange หรือ CEX) ที่มีองค์กรกลางควบคุมการทำธุรกรรมของผู้ใช้

ผู้ใช้งาน DEX ไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการยืนยันตัวตน (Know Your Customer – KYC) และสามารถใช้งานได้โดยการเชื่อมต่อกระเป๋าเงินดิจิทัล (Wallet) เท่านั้น นี่หมายความว่าผู้ใช้ควบคุม Private Key ของตนเอง ทำให้ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยสูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับ CEX โดยแนวคิดของ Decentralized Exchange คือการสร้างตลาดแลกเปลี่ยนที่ไม่มีตัวกลางและทำงานบนบล็อกเชน การซื้อขายเกิดขึ้นบนบล็อกเชน ทำให้มีความปลอดภัยสูงขึ้นเนื่องจากผู้ใช้ควบคุม Private Key ของตนเอง

ประเภทของ Decentralized Exchange

Decentralized Exchange (DEX) คือระบบการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินที่ใช้สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักลงทุนทำธุรกรรมได้โดยไม่ต้องพึ่งตัวกลางหรือบริษัทอื่น ๆ ในการส่งคำสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ มี 3 ประเภทหลักของ DEX ดังนี้

On-chain order book

DEX แบบ On-chain ประเภทนี้มีความโปร่งใสสูงที่สุด เนื่องจากทุกธุรกรรมการซื้อขายถูกบันทึกบนบล็อกเชน รวมถึงการซื้อขายและยกเลิกคำสั่ง การทำรายการใน DEX แบบนี้มีความปลอดภัยสูง แต่มีประสิทธิภาพที่ช้าลงและมีค่าในการดำเนินการสูงกว่า เนื่องจากมีภาษีการทำธุรกรรมในบล็อกเชน โดยรูปแบบ On-chain order book มักถูกใช้ใน DEX ที่ต้องการความโปร่งใสและความปลอดภัยสูงที่สุดแม้ว่าจะมีความล่าช้าและค่าในการดำเนินการสูงขึ้นในบางกรณี ผู้ใช้สามารถตรวจสอบรายละเอียดของการทำธุรกรรมของตนเองได้ด้วยความมั่นใจในความปลอดภัยของการทำธุรกรรม

Off-chain order book

DEX แบบ Off-chain ข้อมูลการซื้อขายในประเภทนี้ส่วนใหญ่จะถูกจัดเก็บนอกบล็อกเชน ซึ่งทำให้การทำรายการเร็วและมีค่าในการดำเนินการต่ำกว่า DEX แบบ On-chain แต่ความโปร่งใสของการทำธุรกรรมจะลดลงเล็กน้อย โดยเทคโนโลยี Off-chain order book อาจถูกใช้ใน DEX เพื่อลดปัญหาความล่าช้าและค่าในการดำเนินการของ DEX แบบ On-chain โดยยังรักษาความปลอดภัยและความโปร่งใสในการทำธุรกรรมซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินที่ไม่ต้องพึ่งตัวกลางเพื่อความสำเร็จของการซื้อขายระหว่างบุคคลในโลกดิจิทัลที่แยกตัวออกจากแบบแบ่งปันและบริษัท CEX ที่มีตัวกลางควบคุมการทำรายการของผู้ใช้

Automated Market Maker (AMM)

Automated Market Maker (AMM) เป็นรูปแบบหนึ่งของ Decentralized Exchange (DEX) ที่ถูกออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินแบบไม่ต้องมีคู่ร่วมในการทำธุรกรรมตรงข้าม (counterparties) ใน AMM ระบบใช้สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts) เพื่อสร้าง “Liquidity pool” ที่มีสินทรัพย์ตัวหนึ่งหรือหลายสินทรัพย์และให้ผู้ใช้มีความสามารถในการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์โดยตรงกับ Liquidity pool โดยไม่ต้องพบกับผู้ซื้อหรือผู้ขายที่ตรงข้ามกัน การทำงานของ AMM มีลักษณะการทำธุรกรรมและการคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนที่รวดเร็วและต่อเนื่องตลอดเวลา AMM เป็นโมเดล DEX ที่ได้รับความนิยมอย่างมากและมีบทบาทสำคัญในโลกการเงินดิจิทัล เนื่องจากความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการทำธุรกรรมที่มีตลอดเวลา หากเปรียบเทียบกับ DEX แบบอื่น ๆ ที่ต้องการคู่ร่วมในการทำธุรกรรมตรงข้ามแบบพื้นฐาน

Decentralized Exchange มีอะไรบ้าง

มีหลาย Decentralized Exchange (DEX) ที่มีอยู่และกำลังให้บริการในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล บาง DEX น่ารู้จักและมีชื่อเสียงรวมถึงบาง DEX กำลังเจรจาติดต่อกับโครงการบล็อกเชนที่หลากหลาย นี่คือบางตัวอย่างของ DEX ที่รู้จัก:

  1. Uniswap: Uniswap เป็นหนึ่งใน DEX ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด และใช้สมาร์ทคอนแทร็กต์บน Ethereum เพื่อให้ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยน ERC-20 tokens ได้ โดยมีการสร้าง Liquidity pool แบบ Automated Market Maker (AMM) ซึ่งผู้ใช้สามารถเป็น Liquidity provider และรับรางวัลตอบแทนจากค่าธรรมเนียมการซื้อขาย
  2. SushiSwap: SushiSwap เป็น DEX ที่อาศัยความคล้ายคลึงกับ Uniswap แต่มีคุณลักษณะเสริมเพิ่มเติม เช่น การจ่ายรางวัลให้กับผู้ใช้ที่ถือ SUSHI tokens เป็นต้น มันก่อตั้งขึ้นเป็น Fork ของ Uniswap
  3. Balancer: Balancer จัดการ Liquidity pool แบบหลายสินทรัพย์ที่ผู้ใช้สามารถสร้างและปรับแต่งเอง มีการกระจายสินทรัพย์ใน Liquidity pool อย่างอัตโนมัติตามน้ำหนักสินทรัพย์ เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการสร้างคู่สินทรัพย์ที่หลากหลาย
  4. Curve Finance: Curve Finance จัดการ Liquidity pool สำหรับสินทรัพย์ stablecoins เพื่อให้การแลกเปลี่ยนที่มีความเสถียรมากที่สุด มันเน้นในการลดความเสี่ยงและค่าธรรมเนียมที่ต่ำในการซื้อขาย stablecoins
  5. 1inch: 1inch เป็น Aggregator ที่รวมรวมคำสั่งซื้อและขายจากหลาย DEX เพื่อให้ผู้ใช้ได้ราคาและอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีที่สุด ผู้ใช้สามารถเข้าถึง DEX หลายๆ แห่งได้โดยไม่ต้องเปิดบัญชีในแต่ละ DEX
  6. Kyber Network: Kyber Network เป็น DEX ที่ใช้สมาร์ทคอนแทร็กต์บน Ethereum เพื่อแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล มี Liquidity pool และระบบจ่ายรางวัลให้กับผู้ใช้ที่เป็น Liquidity provider
  7. PancakeSwap: PancakeSwap เป็น DEX ที่ใช้สมาร์ทคอนแทร็กต์บน Binance Smart Chain (BSC) เพื่อแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล มีความคล้ายคลึงกับ Uniswap และก่อตั้งขึ้นเป็น Fork ของมัน

การทำงานของ Decentralized Exchange

การทำงานของ Decentralized Exchange (DEX) เป็นกระบวนการที่มีหลายขั้นตอน เป้าหมายหลักของ DEX คือให้ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลโดยตรงกันได้โดยไม่ต้องอาศัยตัวกลางเหล่านั้นเป็นขั้นตอนสำคัญของการทำงานของ DEX:

  1. สร้างคู่สินทรัพย์: เป็นขั้นตอนแรกที่ผู้ใช้ DEX สร้างคู่สินทรัพย์ที่ต้องการแลกเปลี่ยน ตัวอย่างเช่น คู่สินทรัพย์ BTC/ETH ในกรณีนี้ BTC คือสินทรัพย์ที่คุณต้องการแลกเปลี่ยนและ ETH คือสินทรัพย์ที่คุณจะใช้แลกเปลี่ยน BTC คู่สินทรัพย์เหล่านี้จะถูกสร้างใน DEX เพื่อให้ผู้ใช้สามารถซื้อขายระหว่างพวกเขา
  2. เตรียม Liquidity Pool: Liquidity pool คือโครงสร้างที่ใช้สำหรับการทำธุรกรรมใน DEX ผู้ใช้จะต้องฝากสินทรัพย์ใน Liquidity pool เพื่อให้มีสินทรัพย์ที่สามารถแลกเปลี่ยน โดยอัตราแลกเปลี่ยนของคู่สินทรัพย์จะถูกคำนวณอัตโนมัติโดยใช้สูตรทางคณิตศาสตร์
  3. สั่งซื้อและขาย: ผู้ใช้สามารถสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ใน DEX โดยตรงโดยใช้กระเป๋าคริปโตของพวกเขา ทุกครั้งที่มีคำสั่งที่จับคู่กัน สินทรัพย์จะถูกสร้างขึ้นและสามารถแลกเปลี่ยนตามอัตราแลกเปลี่ยนที่คำนวณไว้ใน Liquidity pool
  4. การคำนวณราคาและอัตราแลกเปลี่ยน: ราคาและอัตราแลกเปลี่ยนใน DEX จะถูกคำนวณโดยอัตโนมัติโดยใช้สูตรทางคณิตศาสตร์ที่มีตั้งไว้ การคำนวณนี้จะช่วยให้ราคาปรับตัวตลอดเวลาตามปริมาณการซื้อขายและการเปลี่ยนแปลงของ Liquidity pool
  5. การตรวจสอบบนบล็อกเชน: การทำธุรกรรมทั้งหมดใน DEX ถูกบันทึกบนบล็อกเชน เมื่อมีการสั่งซื้อหรือขาย เราสามารถดูข้อมูลการทำธุรกรรมได้ในบล็อกเชน
  6. การลงทุนเป็น Liquidity Provider: ผู้ใช้สามารถเลือกเป็น Liquidity provider โดยการฝากสินทรัพย์ใน Liquidity pool เพื่อรับรางวัลตอบแทนจากค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นใน DEX นี้

ข้อดีและข้อเสียของ Decentralized Exchange

ข้อดีและข้อเสียของ Decentralized Exchange (DEX) ซึ่งมีความเปรียบเทียบกับ Centralized Exchange (CEX) ที่มีลักษณะแตกต่างกันอย่างมากในเรื่องความส่วนตัวและความควบคุมของผู้ใช้ในการทำธุรกรรมสินทรัพย์ทางการเงินทางดิจิทัลดังนี้

ข้อดีของ Decentralized Exchange

  1. ความเป็นส่วนตัวสูง: DEX มีความเป็นส่วนตัวสูง เนื่องจากไม่ต้องการข้อมูลส่วนตัวเช่นข้อมูลตรวจสอบตัวตน (KYC) และการลงทะเบียน ผู้ใช้เพียงแค่เชื่อมต่อกระเป๋าคริปโตของพวกเขาเท่านั้นเพื่อเริ่มต้นใช้งาน DEX นี้
  2. มีตัวเลือกมากมาย: DEX ให้โอกาสให้ผู้ใช้สร้างคู่สินทรัพย์ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงเอง นี่หมายความว่าคุณสามารถสร้าง Token ใหม่และเริ่มต้นการแลกเปลี่ยนได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้อนุมัติหรือเชื่อมต่อกับตลาดที่มีอยู่แล้ว
  3. มีความเสี่ยงน้อยลง: เนื่องจากเหรียญถูกเก็บไว้ในกระเป๋าคริปโตของคุณที่คุณควบคุมด้วยคีย์ส่วนตัวของคุณเอง นี้ทำให้มีความปลอดภัยสูงกว่าในกรณีของ Centralized Exchange (CEX) ที่ต้องให้บริษัทควบคุมการทำธุรกรรมของคุณ
  4. การเริ่มต้นง่าย: คุณสามารถเริ่มต้นใช้งาน DEX ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องส่งเอกสารหรือรอการอนุมัติจากบุคคลที่สาม

ข้อเสียของ Decentralized Exchange

  1. ไม่มีลิงก์ไปยังบัตรธนาคาร: DEX ใช้ได้เฉพาะกับสินทรัพย์สกุลเงินดิจิทัลเท่านั้น ดังนั้นคุณต้องมีสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่แล้วในกระเป๋าคริปโตของคุณเพื่อที่จะทำการแลกเปลี่ยน
  2. ซับซ้อน: DEX อาจมีความซับซ้อนสำหรับมือใหม่ที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีบล็อกเชน การสร้างคู่สินทรัพย์และการทำธุรกรรมบางอย่างอาจเป็นที่ยากต่อบางคน
  3. ไม่มีบริการลูกค้า: DEX มักไม่มีบริการลูกค้าที่คอยให้คำแนะนำหรือแก้ไขปัญหาของผู้ใช้ เช่นมีข้อขัดแย้งในการทำธุรกรรม นี่แตกต่างจาก CEX ที่มักมีบริการลูกค้าที่พร้อมช่วยเหลือผู้ใช้
  4. ความซับซ้อนของการเก็บรักษาคีย์ส่วนตัว: ความปลอดภัยของคีย์ส่วนตัวในกระเป๋าคริปโตเป็นความรับผิดชอบของผู้ใช้ หากคีย์ส่วนตัวหายไปหรือถูกแฮ็ก คุณอาจสูญเสียสินทรัพย์ของคุณ