Decentralized Finance (DeFi) คืออะไร มีอะไรบ้าง ธุรกรรมของ DeFi มีอะไรบ้างในไทย เล่นยังไง ลงทุนยังไง

Decentralized Finance (DeFi) คืออะไร มีอะไรบ้าง ธุรกรรมของ DeFi มีอะไรบ้างในไทย
Decentralized Finance (DeFi) คืออะไร มีอะไรบ้าง ธุรกรรมของ DeFi มีอะไรบ้างในไทย

Decentralized Finance (DeFi) คืออะไร

Decentralized Finance (DeFi) หรือ “การเงินแบบกระจายอำนาจ” เป็นแอปพลิเคชันทางการเงินแบบใหม่ที่ไม่ต้องพึ่งตัวกลาง เช่น ธนาคารหรือสถาบันการเงิน แทนที่จะพึ่งพาเทคโนโลยี Blockchain เพื่อจัดเก็บข้อมูลธุรกรรม แนวคิดหลักของ DeFi คือการสร้างบริการทางการเงินที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน และแพลตฟอร์ม DeFi สามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีผู้ควบคุมผ่าน Smart Contract หรือ “สัญญาอัจฉริยะ” ที่ระบุเงื่อนไขของการทำธุรกรรมไว้ล่วงหน้าและทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อเงื่อนไขถูกปฏิบัติตามที่กำหนดไว้ในสัญญานั้น ๆ

DeFi ส่วนใหญ่ถูกพัฒนาบนเครือข่าย Ethereum เนื่องจาก Ethereum ใช้ภาษาโปรแกรม Solidity ที่เหมาะสำหรับการสร้าง Smart Contract และยังเป็นเครือข่ายบล็อกเชนที่ใหญ่ที่สุดหลังจาก Bitcoin ทำให้มีผู้ใช้มากมาย แนวคิด DeFi ก่อตั้งมาจากความต้องการในการทำธุรกรรมทางการเงินที่รวดเร็ว ไร้ตัวกลางช่วยเหลี่ยม และมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าระบบการเงินแบบดั้งเดิม (CeFi) ที่ต้องพึ่งพาธนาคารและสถาบันการเงินในการยืนยันและตรวจสอบการทำธุรกรรมและข้อมูลบัญชี การใช้ DeFi ช่วยให้ผู้ใช้สามารถส่งและรับเงินได้อย่างรวดเร็วบนระบบบล็อกเชน โดยชำระค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับระบบดั้งเดิม

Decentralized Finance มีอะไรบ้าง

DeFi มีหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้ตามความต้องการของผู้ใช้ รูปแบบ DeFi ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดประกอบด้วย

  1. Decentralized Exchanges (DEXs): DEXs เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่ออำนวยความสามารถในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแบบ Peer-to-Peer โดยที่ไม่ต้องใช้บริการของบัญชีกลาง ใน DEXs, คุณสามารถแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิทัลในรูปแบบที่ควบคุมได้เองโดยใช้สมาร์ทคอนแทรกต์ (Smart Contracts) ที่ตั้งขึ้นในเครือข่ายบล็อกเชน ตัวอย่าง DEXs ที่ดังนำคือ Uniswap ที่ใช้โมเดล Automated Market Maker (AMM) เพื่อให้ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลได้อย่างรวดเร็วและไม่ต้องพึ่งตัวกลาง.
  2. Stablecoins: Stablecoins เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีราคาคงที่หรือเข้าใกล้เท่ากับสกุลเงินจริง เช่น ดอลลาร์ หรือ ยูโร สกุลเงินนี้มักถูกผูกมัดกับสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น เพื่อรักษาความคงที่ เช่น Tether (USDT) ผูกมัดกับเงินดอลลาร์สหรัฐ, หรือ Dai ที่ผูกมัดกับสินทรัพย์ดิจิทัลในระบบ MakerDAO.
  3. Lending Platforms: แพลตฟอร์มการกู้ยืมเงินดิจิทัลทำให้ผู้ใช้สามารถฝากเงินเพื่อรับดอกเบี้ยหรือให้เงินกู้ในรูปแบบสกุลเงินดิจิทัลได้ การใช้สมาร์ทคอนแทรกต์ช่วยในการจัดการการกู้ยืมโดยอัตโนมัติ ตัวอย่างคือ Compound, ที่ให้ผู้ใช้กู้ยืมเงินดิจิทัลโดยใช้สินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ เป็นคำประกันและรับดอกเบี้ยจากการกู้ยืมที่ทำได้.
  4. “Wrapped” Bitcoins (WBTC): ตัว Wrapped Bitcoin (WBTC) เป็นวิธีการที่ Bitcoin ถูกส่งเข้าสู่โลก DeFi โดยการผูกมัด Bitcoin กับ Ethereum ซึ่งใช้สมาร์ทคอนแทรกต์เพื่อดำเนินการนี้ ผู้ถือ WBTC จะได้รับรับรองว่า 1 WBTC เทียบเท่ากับ 1 Bitcoin โดยใช้รัสเซียหรือผู้รับรองอื่น ๆ เพื่อเก็บ Bitcoin จริงในที่มั่นคง.
  5. Prediction Markets: Prediction markets เป็นแพลตฟอร์มที่ให้ผู้ใช้เดิมพันหรือซื้อขายการคาดการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่นการเลือกตั้ง, ผลการแข่งขันกีฬา, หรือราคาหุ้น การซื้อขายนี้สามารถเป็นที่นิยมในการพยากรณ์เหตุการณ์และส่งผลต่อราคาของการเดิมพัน.
  6. Yield Farming: Yield farming เป็นกระบวนการที่ผู้ใช้ฝากสินทรัพย์ดิจิทัลในแพลตฟอร์ม DeFi เพื่อรับโบนัสหรือผลตอบแทนในรูปแบบสินทรัพย์ดิจิทัลเสมือน เหมือนกับการลงทุนในสิ่งผลิตเกษตร เมื่อคุณมีสินทรัพย์ในระบบ, คุณจะได้รับส่วนแบ่งของค่าธรรมเนียมหรือรางวัลที่ระดมมาจากผู้ใช้งานอื่น ๆ ที่กู้ยืมเงินหรือให้สินทรัพย์กับแพลตฟอร์ม DeFi นั้น ๆ รางวัลเหล่านี้จะถูกแจกจ่ายตามอัตราส่วนของสินทรัพย์ที่คุณฝากไว้ในแพลตฟอร์ม

ธุรกรรมของ DeFi มีอะไรบ้างในไทย

DeFi หรือ Decentralized Finance เป็นเทคโนโลยีที่เปิดรับผู้ใช้ที่สามารถเข้าร่วมธุรกรรมทางการเงินโดยไม่ต้องผ่านสถาบันการเงินทั่วไป และในประเทศไทยก็มีธุรกรรม DeFi บางประเภทที่ผู้ใช้สามารถทำได้:

  1. การซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน: ผู้ใช้ในประเทศไทยสามารถใช้แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนดิจิทัลที่รับประกันและรับอนุญาตให้ซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล เช่น Bitcoin, Ethereum, และอื่น ๆ ได้. ตัวอย่างของแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนที่ทำงานในประเทศไทยได้แก่ Bitkub, Satang Pro, และ TDAX.
  2. การเข้าร่วมโครงการ DeFi ผ่านการทำมาสเตอร์โนด (Masternodes): มาสเตอร์โนดเป็นส่วนหนึ่งของบล็อกเชนที่ช่วยในการดำเนินการของเครือข่าย มาสเตอร์โนดเป็นตัวกลางในการดำเนินการต่าง ๆ และผู้ใช้ที่ทำมาสเตอร์โนดสามารถรับรางวัลด้วยการป้องกันและดำเนินการกับบล็อกเชน ในประเทศไทย มีโครงการ DeFi บางรูปแบบที่ผู้ใช้สามารถเข้าร่วมด้วยการทำมาสเตอร์โนด เช่น โครงการที่ใช้บล็อกเชนแบบ Proof of Stake (PoS) และ Proof of Authority (PoA).
  3. การให้เงินกู้และการกู้ยืมโดยใช้สินทรัพย์ดิจิทัล: ผู้ใช้ในประเทศไทยสามารถเข้าร่วมในแพลตฟอร์ม DeFi ที่ให้บริการการให้เงินกู้และการกู้ยืมโดยใช้สินทรัพย์ดิจิทัล เช่น Compound, Aave, หรือ MakerDAO ผ่านเพื่อนและแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เปิดให้บริการในประเทศไทย.
  4. การเข้าร่วม DeFi Yield Farming: Yield farming เป็นกระบวนการที่ผู้ใช้ฝากสินทรัพย์ดิจิทัลในแพลตฟอร์ม DeFi เพื่อรับโบนัสหรือผลตอบแทนในรูปแบบสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น การใช้สินทรัพย์เงินสกุลดิจิทัลเป็นมัดจำในการเข้าร่วมการถ่ายโอนเงินในการทำกฎหมาย

Decentralized Finance (DeFi) ลงทุนยังไง

การลงทุนใน Decentralized Finance (DeFi) นั้นเป็นกระบวนการที่ต้องระมัดระวังและศึกษาให้ดีเนื่องจากมีความเสี่ยงทางการเงินและความปลอดภัยที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ นี่คือขั้นตอนพื้นฐานที่ควรทำเมื่อคุณสนใจลงทุนใน DeFi:

  1. ศึกษาและค้นหาข้อมูล: การเริ่มต้นควรเริ่มจากการศึกษาและค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการ DeFi ที่คุณสนใจ ศึกษาหลักการทำงานของโครงการนั้น ๆ และประเมินความเสี่ยงและความคุ้มค่าของการลงทุน.
  2. เปิดกระเป๋าสตางค์ดิจิทัล (Digital Wallet): คุณจะต้องมีกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลที่ใช้ในการเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณ มีหลายประเภทของกระเป๋าสตางค์ที่มีให้เลือก เช่น เว็บกระเป๋า, กระเป๋าฮาร์ดแวร์, กระเป๋าซอฟต์แวร์, และอื่น ๆ ควรเลือกกระเป๋าที่มีความปลอดภัยและทันสมัย.
  3. ซื้อสินทรัพย์ดิจิทัล: หลังจากเปิดกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลแล้ว คุณสามารถซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลที่คุณสนใจจากแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนดิจิทัลที่อนุญาตให้ซื้อขายในประเทศหรือที่คุณสนใจ. ซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลได้โดยใช้เงินสกุลบาทหรือสกุลเงินอื่น ๆ ที่คุณมี.
  4. เลือกแพลตฟอร์ม DeFi: เลือกแพลตฟอร์ม DeFi ที่คุณต้องการเข้าร่วมและสร้างบัญชีผู้ใช้ ศึกษาวิธีการใช้งานและความคุ้มค่าของแต่ละแพลตฟอร์ม.
  5. ลงทุนและการจัดการโดยอัตโนมัติ: ใน DeFi คุณสามารถลงทุนโดยใช้สมาร์ทคอนแทร็กต์ (Smart Contracts) และเข้าร่วมในกระบวนการเงินทางการเงินโดยอัตโนมัติ ควรให้ความสนใจกับเงื่อนไขและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องในการลงทุน.
  6. รักษาความปลอดภัย: การรักษาความปลอดภัยของบัญชีและสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณเป็นสิ่งสำคัญ เปิดใช้งานการรับรหัสผ่านและการยืนยันแบบสองขั้นตอน (2FA) ในกระเป๋าสตางค์ของคุณและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัว.

จุดมุ่งหมายของ DeFi

DeFi หรือ Decentralized Finance มีจุดมุ่งหมายหลายประการที่มุ่งเน้นการปฏิรูประบบการเงินและการให้บริการทางการเงินแบบดิจิทัล ซึ่งเป็นแนวคิดหลักของ DeFi รายละเอียดเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายของ DeFi ประกอบด้วย:

  1. การเข้าถึงทั้งโลก: DeFi มุ่งหมายที่จะเปิดโอกาสให้ผู้คนทั่วโลกสามารถเข้าถึงบริการการเงินและการลงทุนโดยไม่จำเป็นต้องผ่านหรือพึ่งพาสถาบันการเงินและธนาคารในประเทศเดียว มีโอกาสเชื่อมต่อผู้คนในทุกที่ในโลกเพื่อให้พวกเขาสามารถจัดการกับเงินและการเงินของตนเองได้อย่างอิสระ.
  2. ค่าใช้จ่ายต่ำ: ระบบการเงินแบบดิจิทัลใน DeFi มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าระบบการเงินแบบดั้งเดิม โดยค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมและการโอนเงินมักเป็นเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับระบบดั้งเดิมที่มีค่าใช้จ่ายสูง.
  3. ความสามารถในการเข้าถึงทุกคน: DeFi มุ่งหมายที่จะเปิดรับความเข้าถึงที่มากกว่าในระบบการเงิน แม้กับผู้ที่ไม่มีบัญชีธนาคารหรือประวัติการยืมเงินทางการเงินดั้งเดิม คนทุกคนสามารถเข้าถึง DeFi และใช้งานบริการการเงินดิจิทัลได้.
  4. การโปรโตคอลแบบเปิด: DeFi ใช้โปรโตคอลแบบเปิดที่ไม่มีคนควบคุมหรือรักษา ส่งผลให้มีความโปร่งใสและไม่มีการควบคุมจากบุคคลกลางใด ๆ นี่ทำให้มีความน่าเชื่อถือสูงและต้านการควบคุมทางการเงิน.
  5. การลงทุนและการเงินที่ไม่ต้องพึ่งพา: DeFi มุ่งหมายที่จะให้ผู้คนสามารถลงทุนเงินของตนเองและให้เงินกู้แบบเป็นสมาร์ทคอนแทร็กต์ได้อย่างอิสระ มีโอกาสที่ให้ผู้ใช้มีรายได้จากการจ่ายดอกเบี้ยหรือการเข้าร่วมในโครงการการลงทุน DeFi.
  6. ความคุ้มครองและความปลอดภัย: DeFi มุ่งหมายที่จะมีระบบความคุ้มครองและความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการโกงและการละเมิดความปลอดภัยในระบบ.
  7. การพัฒนาและนวัตกรรม: DeFi มุ่งหมายที่จะส่งเสริมนวัตกรรมและการพัฒนาในระบบการเงินและการเงินดิจิทัล โดยเปิดรับความร่วมมือและการเปิดโอกาสให้นักพัฒนาสร้างแอปพลิเคชันใหม่ใน DeFi.