อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงาน คืออะไร (Operating Profit Maring) อธิบายสูตรการคำนวณ ภาษาอังกฤษเรียกว่า อธิบายวิธีวิเคราะห์พร้อมยกตัวอย่าง สรุป

อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงาน คืออะไร

อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit Margin) เป็นอัตราส่วนทางการเงินที่ใช้ในการวัดความสามารถของกิจการในการทำกำไรจากกิจกรรมหลักของธุรกิจ โดยเปรียบเทียบระหว่างกำไรจากการดำเนินงานและยอดขาย (Sales) ของบริษัทหรือธุรกิจใด ๆ อัตรากำไรจากการดำเนินงานมักถูกนำมาใช้เพื่อวัดประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนและการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งมีผลต่อกำไรสุทธิของบริษัท อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit Margin) มีความสำคัญในการวิเคราะห์สถานะการเงินของบริษัทและใช้ในการเปรียบเทียบกับบริษัทอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกันหรือคู่แข่ง

สูตรการคำนวณ Operating Profit Margin

Operating Profit Margin ในรูปของเปอร์เซ็นต์ เป็นอัตราส่วนที่บอกถึงกำไรที่บริษัททำได้จากกิจกรรมดำเนินงานหลักของธุรกิจเมื่อเทียบกับรายได้ทั้งหมดที่บริษัทได้รับจากการขายสินค้าหรือบริการของตน อัตรากำไรจากการดำเนินงานสามารถช่วยให้เราวัดความสามารถในการควบคุมต้นทุนและประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัท สูตรการคำนวณ Operating Profit Margin (อัตรากำไรจากการดำเนินงาน) นี่คืออธิบายแต่ละส่วน ดังนี้

  1. Operating Profit (กำไรจากการดำเนินงาน): นี่คือจำนวนเงินที่บริษัทหรือธุรกิจทำได้จากกิจกรรมหลักของธุรกิจหลังจากหักลบค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน เช่น ค่าใช้จ่ายในการผลิตสินค้าหรือบริการ (Cost of Goods Sold – COGS) และค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร (Selling, General, and Administrative Expenses – SG&A) หรือค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่น ๆ
  2. Total Revenue (รายได้รวม): นี่คือรายได้ทั้งหมดที่บริษัทหรือธุรกิจได้จากการขายสินค้าหรือบริการของตน รายได้รวมนี้รวมถึงรายได้จากกิจกรรมหลักและรายได้จากกิจกรรมรอบข้าง (อื่น ๆ) ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ
  3. คูณด้วย 100: เพื่อแปลงผลลัพธ์ให้อยู่ในรูปของเปอร์เซ็นต์
สูตรการคำนวณ Operating Profit Margin (อัตรากำไรจากการดำเนินงาน)
สูตรการคำนวณ Operating Profit Margin (อัตรากำไรจากการดำเนินงาน)

Operating Profit Margin (OPM) คือการวัดความสามารถในการทำกำไรจากกิจกรรมดำเนินงานหลักของธุรกิจ เมื่อเทียบกับรายได้รวมที่บริษัทได้รับจากการขายสินค้าหรือบริการทั้งหมด ค่า OPM สูงแสดงว่าบริษัทมีความสามารถในการควบคุมต้นทุนและทำกำไรจากกิจกรรมดำเนินงานได้ดี ในทางตรงกลับกัน ค่า OPM ต่ำอาจแสดงถึงปัญหาในการควบคุมต้นทุนหรือประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่ต้องการการปรับปรุง

ตัวอย่างการคำนวณ Operating Profit Margin

เพื่ออธิบายการคำนวณ Operating Profit Margin (OPM) อย่างละเอียด ขอเสนอตัวอย่างที่มีข้อมูลที่ต้องการตามดังนี้:

สมมติว่าบริษัท XYZ มีข้อมูลการเงินต่อไปนี้

  • กำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit): 2,000,000 บาท
  • รายได้รวม (Total Revenue): 8,000,000 บาท

เราจะนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ในสูตร OPM เพื่อคำนวณ:

Operating Profit Margin = (2,000,000 / 8,000,000) × 100

  1. ก่อนอื่นเราจะคำนวณ Operating Profit Margin (OPM) ในขั้นตอนแรกเราต้องหาค่ากำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit) ซึ่งในตัวอย่างนี้มีค่าเป็น 2,000,000 บาท
  2. ให้เราหาค่ารายได้รวม (Total Revenue) ซึ่งในตัวอย่างนี้มีค่าเป็น 8,000,000 บาท
  3. หลังจากนั้นใช้สูตร OPM ในการคำนวณ OPM ดังนี้:

Operating Profit Margin = (2,000,000 / 8,000,000) × 100

Operating Profit Margin = (0.251) × 100

Operating Profit Margin = 25%

ดังนั้น OPM ของบริษัท XYZ ในปีนี้คือ 25% ซึ่งหมายความว่าบริษัทสามารถทำกำไรจากกิจกรรมดำเนินงานหลักของตนได้ 25% ของรายได้ทั้งหมดที่ได้รับจากการขายสินค้าหรือบริการของตนในปีนี้ นี่เป็นตัวเลขที่บอกถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานและควบคุมต้นทุนของบริษัท XYZ ในระหว่างปีนี้

ระดับของค่า Operating Profit Margin

ค่า Operating Profit Margin ควรถูกดูแลและติดตามเป็นระยะเวลา เพราะมันสามารถแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงในประสิทธิภาพของกิจการและการจัดการทางการเงินของบริษัทตลอดเวลา โดยระดับของค่า Operating Profit Margin (อัตรากำไรจากการดำเนินงาน) มีความหมายดังนี้

ค่า Operating Profit Margin สูง

ค่า Operating Profit Margin สูงหมายถึงว่าบริษัทหรือธุรกิจมีความสามารถในการควบคุมต้นทุนและการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเทียบกับรายได้รวม (Sales) และสามารถทำกำไรจากกิจกรรมหลักของธุรกิจได้ดี นี่คือสิ่งที่บริษัทหรือธุรกิจจะต้องการเพื่อให้สามารถเป็นกิจการที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพในการทำกำไร

ค่า Operating Profit Margin สูงมีข้อได้เปรียบและผลกระทบดังนี้:

    1. ความมั่นคงทางการเงิน: บริษัทที่มี Operating Profit Margin สูงมักจะมีความมั่นคงทางการเงินมากขึ้น เนื่องจากมีเงินเพียงพอจากกิจกรรมดำเนินงานหลักในการครอบคลุมต้นทุนและการบริหาร
    2. ความสามารถในการลงทุนและเติบโต: บริษัทที่มี Operating Profit Margin สูงมักมีทรัพยากรเพียงพอในการลงทุนในการเติบโตและขยายกิจการ นี่อาจเป็นการลงทุนในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การเปิดสาขาใหม่ หรือการเข้าสู่ตลาดใหม่
    3. แนวโน้มที่ดีต่อผู้ลงทุน: ค่า Operating Profit Margin สูงอาจเป็นสัญญาณที่ดีต่อผู้ลงทุน เนื่องจากบริษัทมีความสามารถในการทำกำไรจากกิจกรรมหลักของธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้น
    4. สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลง: การมี Operating Profit Margin สูงอาจช่วยให้บริษัทสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในสภาวะทางธุรกิจได้ดี เช่น การเผชิญกับการแข่งขันแรงขึ้น การเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างตลาด หรือสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่แปลกปลอม
    5. ความเชื่อมั่นของลูกค้าและพันธมิตรธุรกิจ: บริษัทที่มี Operating Profit Margin สูงมักจะมีความเชื่อมั่นของลูกค้าและพันธมิตรธุรกิจมากขึ้น เนื่องจากสามารถให้บริการและสนับสนุนลูกค้าได้อย่างเหมาะสม

ค่า Operating Profit Margin ต่ำ

ค่า Operating Profit Margin ต่ำแสดงถึงสถานการณ์ที่บริษัทหรือธุรกิจไม่สามารถทำกำไรจากกิจกรรมดำเนินงานหลักของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพบริษัทอาจต้องดำเนินการเพื่อปรับปรุงการควบคุมต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน หรือพิจารณาวางแผนกลยุทธ์ใหม่เพื่อเพิ่มรายได้และกำไรจากกิจกรรมหลักของธุรกิจ นี่อาจมีหลายสาเหตุและปัจจัยที่ส่งผลให้ค่า Operating Profit Margin ต่ำดังนี้:

    1. ค่าใช้จ่ายสูง: ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานหรือการบริหารสูงมากเมื่อเทียบกับรายได้ที่รับเข้ามา รวมถึงค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร (SG&A) ที่มากเกินไป ทำให้กำไรลดลงและทำให้ค่า Operating Profit Margin ต่ำลง
    2. ต้นทุนการผลิตสูง: ถ้าต้นทุนการผลิต (Cost of Goods Sold – COGS) มีค่าสูงเมื่อเทียบกับรายได้ มีความหมายว่าบริษัทต้องใช้เงินมากในการผลิตสินค้าหรือบริการ ซึ่งลดกำไรและค่า Operating Profit Margin
    3. ความแข็งแกร่งของคู่แข่ง: ค่า Operating Profit Margin อาจต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาดที่มีคู่แข่งที่มีประสิทธิภาพมาก บริษัทอาจต้องปรับตัวและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานเพื่อเข้าทางตลาดอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
    4. สภาวะตลาด: สภาวะตลาดที่แข็งแกร่งและการแข่งขันรุนแรงอาจทำให้ราคาสินค้าหรือบริการถูกตีตลาดลดลง ซึ่งส่งผลให้ Operating Profit Margin ลดลง
    5. ขัดแย้งภายใน: ปัญหาในการจัดการภายในบริษัท เช่น การบริหารจัดการที่ไม่ดีหรือความขัดแย้งภายในบริษัทอาจทำให้มีการใช้ทรัพยากรและเงินทุนในทางที่ไม่เป็นประโยชน์ และส่งผลให้ค่า Operating Profit Margin ต่ำ
    6. ขาดความรู้ความเข้าใจในตลาด: การขาดความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดและความต้องการของลูกค้าอาจทำให้บริษัทไม่สามารถกำหนดราคาและกลยุทธ์การขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ค่า Operating Profit Margin ต่ำ

ค่า Operating Profit Margin เป็นลบ

ถ้าค่า Operating Profit Margin เป็นลบ แปลว่าบริษัทหรือธุรกิจนั้นกำลังสูญเสียเงินจากกิจกรรมดำเนินงานหลักของธุรกิจ นี่คือสถานการณ์ที่รายได้ที่บริษัทได้รับจากการขายสินค้าหรือบริการไม่เพียงพอในการครอบคลุมต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร (Selling, General, and Administrative Expenses – SG&A) ซึ่งผลทำให้บริษัทไม่สามารถทำกำไรจากกิจกรรมดำเนินงานได้ในขณะนั้น

การ Operating Profit Margin เป็นลบอาจเกิดขึ้นเนื่องจากสาเหตุหลายประการ เช่น:

    1. ต้นทุนการผลิตสูง: บริษัทมีต้นทุนการผลิตสูงเกินไปเมื่อเทียบกับราคาขายของสินค้าหรือบริการ ทำให้บริษัทไม่สามารถทำกำไรจากการขายได้
    2. การบริหารค่าใช้จ่ายที่ไม่มีประสิทธิภาพ: บริษัทอาจมีค่าใช้จ่ายการบริหาร (SG&A) ที่เพิ่มขึ้นมากเกินไป แสดงว่าการบริหารส่วนนี้ไม่มีประสิทธิภาพและต้องพิจารณาการลดค่าใช้จ่ายหรือปรับปรุงกระบวนการ
    3. ราคาขายต่ำ: บริษัทอาจต้องลดราคาขายเพื่อแข่งขันในตลาด ซึ่งอาจทำให้มี Operating Profit Margin เป็นลบถ้าราคาขายต่ำกว่าต้นทุน
    4. สภาวะตลาดหรือสถานการณ์บริษัท: สถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนหรือปัญหาภายนอกอื่น ๆ อาจส่งผลให้บริษัทมี Operating Profit Margin เป็นลบ

การค่า Operating Profit Margin เป็นลบต้องถือเป็นสัญญาณเตือนว่าบริษัทหรือธุรกิจอาจต้องปรับปรุงกระบวนการธุรกิจหรือทำการลดต้นทุนเพื่อให้กำไรจากการดำเนินงานกลับเป็นบวกเช่น ลดต้นทุนการผลิต ปรับโครงสร้างค่าใช้จ่าย หรือพิจารณาวิธีการทำกำไรจากกิจกรรมอื่น ๆ ที่มีความสามารถในการทำกำไรได้ดีขึ้น

ปัจจัยที่มีผลต่อ Operating Profit Margin

Operating Profit Margin (OPM) คืออัตราส่วนระหว่างกำไรจากการดำเนินงานและยอดขาย (Sales) ของบริษัท ปัจจัยต่าง ๆ มีผลต่อ OPM และสามารถแบ่งออกเป็นปัจจัยที่ส่งผลบวกและปัจจัยที่ส่งผลลบได้ดังนี้:

ปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อ Operating Profit Margin

    1. การควบคุมต้นทุน: บริษัทที่สามารถควบคุมต้นทุนการผลิตและต้นทุนดำเนินงานได้ดี มักจะมี OPM สูงขึ้น เนื่องจากมีกำไรสูงขึ้นเมื่อเทียบกับรายได้ทั้งหมด การประหยัดต้นทุนอาจมาจากการเลือกซื้อวัตถุดิบราคาถูกหรือเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต.
    2. การเพิ่มราคาสินค้าหรือบริการ: การเพิ่มราคาสินค้าหรือบริการให้มากขึ้นโดยไม่เพิ่มต้นทุนมีผลทำให้ OPM เพิ่มขึ้น เช่น การเพิ่มมูลค่าในสินค้าหรือบริการผ่านการตระหนักถึงความต้องการของลูกค้าและการตลาด.
    3. ความสามารถในการบริหารการเงิน: การจัดการกระแสเงินสดและการลงทุนให้เหมาะสมสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ยและเงินกู้ ทำให้มี OPM สูงขึ้น.
    4. การเพิ่มยอดขาย: เพิ่มยอดขายโดยไม่เพิ่มต้นทุนอาจช่วยเพิ่ม OPM อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเสริมสร้างการขายหรือการตลาดที่ดี.

ปัจจัยที่ส่งผลลบต่อ Operating Profit Margin

    1. ต้นทุนการผลิตสูง: ถ้าต้นทุนการผลิตสินค้าหรือบริการมีการเพิ่มขึ้น จะลด OPM ลง เนื่องจากมีกำไรน้อยกว่ารายได้ทั้งหมด.
    2. ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารสูง: การเพิ่มค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารโดยไม่มีการเพิ่มรายได้เพิ่มขึ้นสามารถลด OPM ลง.
    3. การเสี่ยงต่อตลาด: สภาวะตลาดที่ไม่แน่นอนหรือการแข่งขันที่รุนแรงสามารถทำให้มี OPM ต่ำลง เนื่องจากบริษัทอาจต้องลดราคาหรือใช้ส่วนแบ่งกำไรในการแข่งขัน.
    4. ความต้องการลงทุนในการเติบโต: การลงทุนในการขยายกิจการหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อาจทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นและลด OPM ลง.