market maker คือใคร อาชีพ market maker ผู้ดูแลสภาพคล่องหมายถึงอะไร อธิบายโดยละเอียด

market maker คือใคร

“Market maker” หมายถึงบุคคลหรือบริษัทที่มีบทบาทในการสร้างความเข้มข้นในตลาดการซื้อขายหลักทรัพย์หรือสินค้าทางการเงินต่าง ๆ โดยมีการเสนอซื้อและขายหลักทรัพย์หรือสินค้าเหล่านั้นในราคาต่าง ๆ โดยสร้างความแตกต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขาย ทำให้มีการซื้อขายเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และความเข้มข้นในตลาด

“market maker” มักใช้ในตลาดทางการเงิน เช่น ตลาดหลักทรัพย์ ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ เป็นต้น โดยMarket maker มักจะเป็นบริษัทหรือหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญในการเป็นกลางในการซื้อขาย ที่มีความสามารถในการจัดการความผันผวนของราคา และจัดทำสัญญาซื้อขายในปริมาณมาก มีบทบาทที่สำคัญในการช่วยให้ตลาดมีความเสถียรและสมดุล โดยที่มีผู้เล่นต่าง ๆ สามารถเข้ามาซื้อขายได้โดยสะดวก

อาชีพ market maker

อาชีพของ market maker เป็นบทบาทที่สำคัญในตลาดการเงินและการซื้อขายหลักทรัพย์ โดยมีหน้าที่สร้างความเคลื่อนไหวและความเข้มข้นในตลาดโดยการซื้อขายหลักทรัพย์หรือสินค้าทางการเงินต่าง ๆ ในราคาที่ต่างกัน ซึ่งสร้างความแตกต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขายที่เรียกว่า “spread” หรือ “bid-ask spread” ซึ่งเป็นกำไรที่ market maker ทำได้จากการซื้อขายนั้น ๆ

บทบาทหลักของ market maker คือเป็นกลางในการซื้อขาย ที่เข้ามาทำซื้อขายระหว่างราคาซื้อ (bid price) และราคาขาย (ask price) โดยที่มีการวางราคาทั้งสองด้านเอาไว้ ซึ่งกลไกนี้ช่วยให้ผู้เข้ามาซื้อขายสามารถทำกำไรจากการซื้อขายได้ และช่วยให้ตลาดมีความเสถียรและความเข้มข้น สำหรับบริษัทหรือองค์กรที่ดำเนินธุรกิจในการเป็น market maker จะต้องมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาดและการซื้อขาย รวมถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถจัดการและประมวลผลความเร็วในการซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังต้องเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบต่อความเสี่ยงในตลาดด้วย

หน้าที่ของ Market Maker

“Market Maker” หรือ “ผู้สร้างตลาด” เป็นบุคคลหรือองค์กรที่ทำหน้าที่ในการสร้างความต้องการในการซื้อขายสินค้าหลักทรัพย์ เพื่อช่วยในการทำให้การซื้อขายสินค้าเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีความลื่นไหล ซึ่งจะทำให้ตลาดมีความสดชื่นและเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุน หน้าที่ของ Market Maker ในตลาดการเงินและการซื้อขายหลักทรัพย์มีหลายด้านและสำคัญอย่างมาก เพื่อสร้างความเคลื่อนไหวและความเข้มข้นในตลาด ดังนี้

การเป็นกลางในการซื้อขาย

การเป็นกลางในการซื้อขาย (Market Making) เป็นบทบาทที่สำคัญในตลาดการเงิน ซึ่งหน้าที่หลักของกลุ่มนี้คือการสร้างความเคลื่อนไหวและความเข้มข้นในตลาดโดยการซื้อขายหลักทรัพย์หรือสินค้าทางการเงินต่าง ๆ ในราคาที่ต่างกัน ซึ่งสร้างความแตกต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขายที่เรียกว่า “spread” หรือ “bid-ask spread” ซึ่งเป็นกำไรที่ Market Maker ทำได้จากการซื้อขายนั้น ๆ

การวางราคา

การวางราคา (Pricing) ในทางความหมายที่แท้จริงเป็นกระบวนการกำหนดราคาสำหรับสินค้าหรือบริการที่จะนำเสนอให้แก่ลูกค้าหรือตลาด กระบวนการนี้มีความสำคัญมากในธุรกิจ เพราะราคาที่ถูกกำหนดจะมีผลต่อผู้ซื้อขาย กำไรขององค์กร และตลาดทั้งหมด

สำหรับ Market Maker หรือบทบาทในการซื้อขายหลักทรัพย์ การวางราคาเกี่ยวข้องกับการกำหนดราคาซื้อ (bid price) และราคาขาย (ask price) สำหรับหลักทรัพย์ที่เข้ามาซื้อขาย ราคาซื้อจะเป็นราคาที่ Market Maker พร้อมจะซื้อหลักทรัพย์ และราคาขายจะเป็นราคาที่ Market Maker พร้อมจะขายหลักทรัพย์ ระหว่างราคาซื้อและราคาขายจะมีราคาต่างกันที่เรียกว่า “spread” ที่เป็นกำไรของ Market Maker โดยในบางกรณี spread นี้อาจขยายหรือยุบตามเงื่อนไขต่าง ๆ ในตลาด

การสร้างความเสถียรและความเข้มข้นในตลาด

การสร้างความเสถียรและความเข้มข้นในตลาด หมายถึงกระบวนการที่ทำให้ตลาดมีความนิ่งน้อยและมีความคล่องตัวในการซื้อขาย ซึ่งมีผู้เข้ามาซื้อขายหลักทรัพย์หรือสินค้าทางการเงินต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องและมีความสุขุมาตรฐานเสมอกัน ผลของการสร้างความเสถียรและความเข้มข้นในตลาดทำให้ผู้เข้ามาซื้อขายสามารถดำเนินกิจกรรมซื้อขายได้โดยไม่พบปัญหาหรือข้อจำกัดที่ไม่คาดคิด ทำให้ตลาดเป็นที่น่าเชื่อถือและมีความเป็นระบบสมดุล

การจัดการความเสี่ยง

การจัดการความเสี่ยง (Risk Management) หมายถึงกระบวนการหรือกิจกรรมที่มีเป้าหมายในการรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในภาวะที่ไม่แน่นอน เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นและรักษาความมั่นคงขององค์กรหรือกิจกรรมต่าง ๆ ให้เป็นไปตามเป้าหมายการจัดการความเสี่ยงเป็นส่วนสำคัญของบทบาทของ Market Maker ในการดำเนินธุรกิจในตลาดการเงินและการซื้อขายหลักทรัพย์ การทำงานในตลาดเป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยความผันผวนและความไม่แน่นอน ดังนั้น การจัดการความเสี่ยงจะช่วยให้ Market Maker สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การให้ข้อมูลตลาด

การให้ข้อมูลตลาดเป็นกระบวนการที่ Market Maker หรือผู้อื่น ๆ ในตลาดให้ข้อมูลเกี่ยวกับราคาและความเคลื่อนไหวของหลักทรัพย์หรือสินค้าทางการเงินต่าง ๆ ให้กับผู้ซื้อขาย ผู้ลงทุน หรือประชาชนทั่วไป เพื่อให้ความโปร่งใสและการตัดสินใจที่มีข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอการให้ข้อมูลตลาดส่วนใหญ่อาจประกอบด้วย

    • ราคาซื้อ (Bid Price) และราคาขาย (Ask Price): ผู้ให้ข้อมูลตลาดจะประกาศราคาซื้อและราคาขายสำหรับหลักทรัพย์หรือสินค้า ซึ่งผู้ซื้อและผู้ขายสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการตัดสินใจว่าจะซื้อหรือขายในราคาใด
    • ปริมาณการซื้อขาย (Trading Volume): ข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณหลักทรัพย์ที่ถูกซื้อขายในช่วงเวลาที่กำหนด นี่เป็นข้อมูลที่สามารถบ่งบอกถึงความนิยมและความเข้มข้นของตลาด
    • การเคลื่อนไหวราคา (Price Movement): ข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์ในช่วงเวลาที่กำหนด ช่วยให้ผู้ซื้อขายทราบถึงแนวโน้มของราคา
    • ข่าวสารและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง: ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่อาจมีผลต่อราคาหลักทรัพย์ สภาวะเศรษฐกิจ นโยบายการเงิน และข้อมูลอื่น ๆ ที่สามารถมีผลต่อการตัดสินใจซื้อขาย
    • การแสดงผลกราฟและแผนภูมิราคา: บางครั้งจะมีการแสดงข้อมูลราคาในรูปแบบกราฟหรือแผนภูมิเพื่อช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้ม

การปรับแต่งคำสั่ง

การปรับแต่งคำสั่ง (order customization) เป็นกระบวนการที่ผู้ลงทุนหรือผู้ซื้อขายสามารถปรับแต่งคำสั่งซื้อขายให้เหมาะกับความต้องการและกลยุทธ์การลงทุนของตนเองในตลาดการเงิน นี่คือบางตัวอย่างของวิธีที่คำสั่งสามารถปรับแต่งได้:

    • ราคาซื้อขาย (Price): ผู้ลงทุนสามารถกำหนดราคาซื้อขายที่ต้องการเพื่อซื้อหรือขายหลักทรัพย์หรือสินค้าทางการเงินต่าง ๆ กำหนดราคาที่เหมาะสมเพื่อให้การซื้อขายสำเร็จตามกลยุทธ์การลงทุนของตนเอง
    • ปริมาณซื้อขาย (Quantity): ผู้ซื้อขายสามารถกำหนดปริมาณหรือจำนวนหลักทรัพย์ที่ต้องการซื้อขายในคำสั่ง เพื่อให้ตรงกับการจัดการพอร์ตการลงทุนหรือกลยุทธ์การซื้อขาย
    • ระยะเวลาคำสั่ง (Time in Force): ผู้ลงทุนสามารถกำหนดระยะเวลาที่คำสั่งจะใช้งาน ได้แก่ “Day Order” ที่ใช้เพียงวันเดียว, “Good Till Cancelled” ที่ใช้จนกว่าจะถูกยกเลิก หรือ “Immediate or Cancel” ที่ต้องทำการซื้อขายทันทีหรือยกเลิก
    • รายละเอียดเพิ่มเติม (Additional Details): บางกรณีผู้ลงทุนอาจกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมในคำสั่ง เช่น การใช้เงื่อนไข “Fill or Kill” ที่ต้องการให้คำสั่งเต็มจำนวนหรือยกเลิกทันที
    • การเชื่อมต่อกับกลยุทธ์การลงทุน (Algorithmic Trading Strategies): ในกรณีของการลงทุนอัลกอริทึม (algorithmic trading) ผู้ลงทุนสามารถกำหนดรูปแบบและกลยุทธ์การซื้อขายในระบบคอมพิวเตอร์เพื่อทำการซื้อขายอัตโนมัติตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้

การดูแลลูกค้า

การดูแลลูกค้าเป็นส่วนสำคัญของบทบาทของ Market Maker ในตลาดการเงินและการซื้อขายหลักทรัพย์ เนื่องจากมีบทบาทในการสร้างความพึงพอใจและความไว้วางใจของลูกค้า ดังนี้

    • การให้ข้อมูล: Market Maker ต้องให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับราคาและความเคลื่อนไหวของตลาดแก่ลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าทราบถึงสถานะปัจจุบันของตลาดและทำให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจการลงทุนได้ดีขึ้น
    • การให้คำปรึกษา: Market Maker มีบทบาทในการให้คำปรึกษาและแนะนำเกี่ยวกับสินค้าหรือหลักทรัพย์ที่ลูกค้าสนใจ โดยพิจารณาถึงความเหมาะสมต่อลูกค้าเนื่องจากสถานะการเงิน วัตถุประสงค์การลงทุน และระยะเวลาการลงทุน
    • การปรับแต่งคำสั่งซื้อขาย: Market Maker สามารถปรับแต่งคำสั่งซื้อขายให้เข้ากับความต้องการและแผนการลงทุนของลูกค้า โดยทำให้การซื้อขายเกิดขึ้นตามความต้องการเฉพาะของลูกค้า
    • การให้บริการหลังการขาย: Market Maker มีหน้าที่ในการให้บริการหลังการขายด้วยการติดตามและแจ้งข่าวสารต่าง ๆ เกี่ยวกับการซื้อขายหรือข่าวสารที่สามารถมีผลต่อการลงทุนของลูกค้า
    • การแก้ไขปัญหา: เมื่อเกิดปัญหาหรือข้อขัดแย้งกับการซื้อขายหรือการบริการ บทบาทของ Market Maker คือการแก้ไขปัญหาและให้บริการที่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า

ผู้ดูแลสภาพคล่องหมายถึงอะไร

คำว่า “ผู้ดูแลสภาพคล่อง” มักหมายถึงบุคคลหรือกลุ่มคนที่มีหน้าที่หรือความรับผิดชอบในการดูแลและจัดการสภาพคล่องของตลาดหรือระบบการเงิน เพื่อให้มีความเสถียรและคงทนในกระแสเงินสด การดูแลสภาพคล่องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันปัญหาทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นเมื่อมีความผันผวนหรือสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดในตลาดหรือระบบการเงินเกิดขึ้นได้

ผู้ดูแลสภาพคล่องอาจเป็นบุคคลหรือองค์กรที่มีบทบาทในการดูแลและสั่งการเรื่องการเงิน การลงทุน และการเงินสด เพื่อให้เกิดความสมดุลและความเสถียรในระบบการเงิน ความสำคัญของการดูแลสภาพคล่องมีการแก้ไขปัญหาและการควบคุมความเสี่ยงเพื่อให้ตลาดและระบบการเงินไม่เกิดความไม่สมดุล หรือปัญหาทางการเงินที่สามารถกระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจได้ในระยะยาวหรือสั้นได้

ในทางปฏิบัติผู้ดูแลสภาพคล่องอาจเป็นธนาคารกลางของประเทศ (Central Bank) หรือสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลรักษาสภาพคล่องของเงินตราและระบบการเงิน ซึ่งหน้าที่สำคัญของพวกเขาได้แก่:

    1. การควบคุมอัตราแลกเปลี่ยน: การดูแลสภาพคล่องรวมถึงการควบคุมและรักษาอัตราแลกเปลี่ยนของเงินตราในระดับที่เหมาะสม เพื่อป้องกันความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นเกินไป ซึ่งอาจมีผลกระทบในการค้าขายระหว่างประเทศและเศรษฐกิจอื่น ๆ
    2. การควบคุมอัตราดอกเบี้ย: การดูแลสภาพคล่องเชื่อมโยงกับการควบคุมอัตราดอกเบี้ยในระบบการเงิน เพื่อให้มีอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมและไม่สร้างความเสี่ยงสูงสุดในการกู้ยืมและลงทุน
    3. การดูแลการสั่งการธนาคาร: ผู้ดูแลสภาพคล่องอาจมีบทบาทในการควบคุมและกำหนดนโยบายเกี่ยวกับการสั่งการธนาคารและสถาบันการเงินต่าง ๆ เพื่อป้องกันความไม่เสถียรในระบบการเงิน
    4. การจัดการสหกรณ์การเงิน: ผู้ดูแลสภาพคล่องอาจมีบทบาทในการสร้างมาตรการและนโยบายเพื่อส่งเสริมความคล่องของสหกรณ์การเงินและสถาบันการเงินอื่น ๆ
    5. การรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ: ผู้ดูแลสภาพคล่องมีความสำคัญในการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจโดยการดูแลและส่งเสริมความเคลื่อนไหวของสินค้า บริการ และการลงทุนในระบบเศรษฐกิจ