fractal indicator คืออะไร ข้อมูลเบื้องต้น การใช้งาน การตั้งค่า การบอกจุดกลับตัวและข้อดีข้อเสีย

fractal indicator คืออะไร

ตัวชี้วัดฟรักแทล (Fractal Indicator) คืออีกหนึ่งเครื่องมือในการวิเคราะห์และทำนายแนวโน้มของตลาดในการซื้อขายทางการเงิน ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับกราฟแท่งเทียน (candlestick chart) และเครื่องมือวิเคราะห์เทคนิคในการวิเคราะห์ข้อมูลราคาหุ้นหรือสินทรัพย์อื่น ๆ การใช้ฟรักแทลในการวิเคราะห์ราคาหุ้นสามารถช่วยในการตัดสินใจซื้อขาย โดยหลักการคือเมื่อเราเห็นฟรักแทลแนวโน้มขึ้น เราสามารถคาดการณ์ว่าราคาจะขึ้นต่อไป และเมื่อเราเห็นฟรักแทลแนวโน้มลง เราสามารถคาดการณ์ว่าราคาจะลงต่อไป

ฟรักแทลเป็นรูปร่างทางเรขาคณิตที่มีลักษณะซ้ำซ้อนตามระเบียบแบบกลุ่ม หรือปรากฏในลักษณะที่คล้ายกันในช่วงเวลาที่ต่างกัน ในกรณีของตลาดการเงิน ฟรักแทลสามารถใช้ในการจำแนกแนวโน้มของราคาว่าเป็นแนวโน้มขึ้น (Uptrend) หรือแนวโน้มลง (Downtrend) ซึ่งสามารถใช้เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการตัดสินใจซื้อขายในตลาดการเงินได้ อินดิเคเตอร์ฟรักแทลจะเน้นการหาแนวจุดสูงสุด (High) และแนวจุดต่ำสุด (Low) ที่ปรากฏในราคาหุ้นแต่ละช่วงเวลา โดยทั่วไปแล้ว ฟรักแทลจะมีลักษณะดังนี้:

  1. ฟรักแทลแนวโน้มขึ้น (Bullish Fractal): ปรากฏเมื่อมีแนวจุดต่ำสุด 2 แนวเป็นลำดับ โดยแนวจุดต่ำสุดแรกจะมีราคาต่ำกว่าแนวจุดต่ำสุดที่สอง และหลังจากนั้นราคาจะขึ้นสูงขึ้น
  2. ฟรักแทลแนวโน้มลง (Bearish Fractal): ปรากฏเมื่อมีแนวจุดสูงสุด 2 แนวเป็นลำดับ โดยแนวจุดสูงสุดแรกจะมีราคาสูงกว่าแนวจุดสูงสุดที่สอง และหลังจากนั้นราคาจะลงต่ำลง

ข้อมูลเบื้องต้นของ fractal indicator

การใช้ฟรักแทลในการวิเคราะห์ราคาหุ้นหรือสินทรัพย์อื่น ๆ อาจช่วยในการระบุจุดที่แนวโน้มอาจจะเปลี่ยนแปลง แต่การใช้งานควรคำนึงถึงข้อมูลอื่น ๆ เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของราคา (Moving Averages) หรือตัวชี้วัดเทคนิคอื่น ๆ เพื่อรับรองแนวโน้มและการตัดสินใจการลงทุนหรือการซื้อขายอย่างมีเหตุผลและเสถียรภาพ ตัวชี้วัดฟรักแทล (Fractal Indicator) มีความเกี่ยวข้องกับกราฟแท่งเทียน (candlestick chart) และมีลักษณะหลักการทำงานดังนี้

แนวจุดสูงสุด (High Fractal)

แนวจุดสูงสุด (High Fractal) คือแนวราคาที่เป็นจุดสูงสุด (High) ที่สองในช่วงระยะเวลาที่กำหนด โดยมีลักษณะว่าราคาที่เป็นจุดสูงสุด (High) ที่สองจะมีค่าต่ำกว่าราคาที่เป็นจุดสูงสุด (High) ที่สามหรือมากกว่า และราคาที่เป็นจุดสูงสุด (High) ที่สองจะเป็นจุดสูงสุดที่สำคัญในช่วงนั้น ๆ

ในกราฟแท่งเทียน (candlestick chart) แต่ละแท่งจะประกอบด้วยราคาที่เป็นจุดสูงสุด (High) และจุดต่ำสุด (Low) รวมถึงราคาเปิด (Open) และราคาปิด (Close) การใช้แนวจุดสูงสุด (High Fractal) เป็นตัวชี้วัดทางเทคนิคสามารถช่วยในการระบุตำแหน่งของแนวจุดสูงสุดที่สำคัญในกราฟแท่งเทียน เพื่อใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาหรือการทำนายการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มในอนาคตได้เมื่อมีแนวจุดสูงสุด (High Fractal) เกิดขึ้น ส่วนมากจะมีการเปลี่ยนแนวโน้มจากการลงมาเป็นการขึ้น เช่น ราคาที่เคยตกลงมา จากนั้นมีการขึ้นขึ้นใหม่ และแนวจุดสูงสุด (High Fractal) ที่สองจะเป็นแนวที่มีค่าสูงกว่าแนวราคาที่เป็นจุดสูงสุด (High) ที่สามหรือมากกว่าในช่วงเวลานั้นๆ

แนวจุดต่ำสุด (Low Fractal)

ปรากฏเมื่อมีแนวราคาที่เป็นจุดต่ำสุด (Low) ที่สองราคามีค่าสูงกว่าแนวราคาที่เป็นจุดต่ำสุด (Low) แรก และแนวราคาที่เป็นจุดต่ำสุด (Low) ที่สองเป็นจุดต่ำสุดในระยะเวลาที่กำหนดแนวจุดต่ำสุด (Low Fractal) เป็นส่วนหนึ่งของฟรักแทลอินดิเคเตอร์ ซึ่งแสดงถึงแนวราคาที่เป็นจุดต่ำสุด (Low) ที่สองในช่วงระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งมีลักษณะดังนี้:

    1. แนวราคาที่เป็นจุดต่ำสุด (Low) ที่สอง มีค่าสูงกว่าแนวราคาที่เป็นจุดต่ำสุด (Low) แรก
    2. แนวราคาที่เป็นจุดต่ำสุด (Low) ที่สอง เป็นจุดต่ำสุดในช่วงเวลาที่กำหนด

หลักการทำงานของแนวจุดต่ำสุดคือการแสดงถึงการเปลี่ยนแนวโน้มของราคาจากการขึ้นมาเป็นการลง นั่นคือเมื่อมีแนวจุดต่ำสุดปรากฏขึ้นมา มักจะแสดงถึงว่าราคาอาจจะเริ่มที่จะเปลี่ยนแนวจากการขึ้นมาเป็นการลงในอนาคต

โดยทั่วไปแล้ว ฟรักแทลแนวโน้มขึ้น (Bullish Fractal) จะแสดงถึงการเปลี่ยนแนวโน้มจากการลงมาเป็นการขึ้น เช่น เมื่อราคาเริ่มขึ้นหลังจากเคยตกลงมา ฟรักแทลแนวโน้มลง (Bearish Fractal) จะแสดงถึงการเปลี่ยนแนวโน้มจากการขึ้นมาเป็นการลง เช่น เมื่อราคาเริ่มลงหลังจากเคยขึ้นขึ้นมา

การใช้งาน fractal indicator

การใช้งานตัวชี้วัดฟรักแทล (Fractal Indicator) ในการวิเคราะห์และการตัดสินใจการซื้อขายในตลาดการเงินสามารถทำได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้:

ติดตั้งตัวชี้วัดฟรักแทล

เปิดแพลตฟอร์มการซื้อขายที่คุณใช้งานและติดตั้งตัวชี้วัดฟรักแทลในกราฟที่คุณต้องการวิเคราะห์ คุณสามารถค้นหาตัวชี้วัดนี้ในส่วนของตัวชี้วัดทางเทคนิคของแพลตฟอร์มที่คุณใช้งานได้.

การระบุฟรักแทล

เมื่อตัวชี้วัดฟรักแทลถูกติดตั้งแล้ว คุณจะเห็นแนวจุดสูงสุด (High Fractal) และแนวจุดต่ำสุด (Low Fractal) ปรากฏบนกราฟ แนวจุดสูงสุดจะมีเครื่องหมายเป็นเส้นขนานสองเส้นด้านบนของแท่งเทียน และแนวจุดต่ำสุดจะมีเครื่องหมายเป็นเส้นขนานสองเส้นด้านล่างของแท่งเทียน

การวิเคราะห์แนวโน้ม

การใช้ฟรักแทลเพื่อวิเคราะห์แนวโน้มราคาจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกระบวนการวิเคราะห์ทางเทคนิค หากคุณเห็นแนวจุดสูงสุด (High Fractal) ปรากฏบนกราฟ และมีรูปแบบแนวโน้มของราคาที่เปลี่ยนจากการตกมาเป็นการขึ้น นี่อาจเป็นสัญญาณที่แสดงถึงความเป็นไปได้ในการขึ้นต่อไป ในทางกลับกัน หากคุณเห็นแนวจุดต่ำสุด (Low Fractal) ปรากฏบนกราฟ และมีรูปแบบแนวโน้มของราคาที่เปลี่ยนจากการขึ้นมาเป็นการตก นี่อาจเป็นสัญญาณที่แสดงถึงความเป็นไปได้ในการลงต่อไป

การใช้งานร่วมกับตัวชี้วัดอื่นๆ

เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในการวิเคราะห์แนวโน้มและการตัดสินใจการซื้อขาย คุณอาจใช้ตัวชี้วัดเทคนิคอื่น ๆ เช่น เครื่องหมายเฉลี่ยเคลื่อนที่ของราคา (Moving Averages) หรือตัวชี้วัดแรงขาย/แรงซื้อ (RSI) เพื่อให้คุณสามารถทำการวิเคราะห์ที่มีความรอบคอบและเสถียรภาพมากขึ้น

การจัดการความเสี่ยง

อย่าลืมวางแผนการจัดการความเสี่ยงในการซื้อขายของคุณ เช่น การกำหนดระดับหยุดขาดทุน (Stop Loss) เพื่อป้องกันความเสี่ยงในกรณีที่ราคาเคลื่อนที่ตรงข้ามกับทิศทางที่คุณคาดหวัง

การตั้งค่า fractal indicator

การตั้งค่าตัวชี้วัดฟรักแทล (Fractal Indicator) บนแพลตฟอร์มการซื้อขายสามารถแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มแต่ละแห่ง ดังนั้น ด้านล่างนี้เป็นขั้นตอนทั่วไปเพื่อแสดงให้คุณรู้ว่าการตั้งค่าดังกล่าวอาจจะมีหลายวิธีในแต่ละแพลตฟอร์ม:

  1. เปิดกราฟ: เปิดกราฟของสินทรัพย์หรือหุ้นที่คุณต้องการวิเคราะห์บนแพลตฟอร์มการซื้อขายของคุณ.
  2. เลือก Fractal Indicator: หากแพลตฟอร์มของคุณมีตัวชี้วัดฟรักแทลให้ใช้งาน ให้คลิกที่สัญลักษณ์หรือตัวชี้วัดทางเทคนิคและค้นหา “Fractal Indicator” เพื่อเพิ่มตัวชี้วัดลงในกราฟ.
  3. ตั้งค่า Fractal Indicator: เมื่อเพิ่มตัวชี้วัดฟรักแทลลงในกราฟแล้ว คุณจะต้องตั้งค่าพารามิเตอร์สำหรับตัวชี้วัดนี้ คำสั่งในการตั้งค่าอาจแตกต่างกันไปตามแพลตฟอร์ม แต่ปกติจะมีตัวเลือกในการกำหนดระยะเวลาที่ต้องการใช้ในการหาแนวจุดสูงสุดและแนวจุดต่ำสุด เช่น ระยะเวลาในการค้นหาฟรักแทลบนกราฟช่วงเวลาเท่าไหร่
  4. การแสดงผล: ตัวชี้วัดฟรักแทลจะแสดงผลบนกราฟในรูปแบบของเส้นขนานสองเส้น ที่แสดงถึงแนวจุดสูงสุดและแนวจุดต่ำสุด
  5. การวิเคราะห์และการตัดสินใจ: ในการใช้งานตัวชี้วัดฟรักแทลในการวิเคราะห์แนวโน้ม คุณควรทำการวิเคราะห์โดยร่วมกับตัวชี้วัดอื่น ๆ และเครื่องมือวิเคราะห์เทคนิคอื่น ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจการซื้อขาย อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังเรื่องของความเสี่ยงและทำการจัดการความเสี่ยงในการซื้อขายอย่างเหมาะสมเสมอ

การบอกจุดกลับตัว fractal indicator

ตัวชี้วัดฟรักแทล (Fractal Indicator) ในแต่ละแนวจะสามารถบ่งชี้ถึงจุดกลับหรือจุดเปลี่ยนแนวโน้มในตลาดได้ตามลักษณะต่าง ๆ ดังนี้:

  1. Bullish Reversal (การกลับตัวขึ้น): เมื่อแนวจุดต่ำสุด (Low Fractal) ปรากฏบนกราฟ โดยมีรูปแบบแนวโน้มราคาที่เปลี่ยนจากการขึ้นมาเป็นการตก อาจจะเป็นสัญญาณที่แสดงถึงความเป็นไปได้ในการกลับตัวขึ้นของราคาในอนาคต
  2. Bearish Reversal (การกลับตัวลง): เมื่อแนวจุดสูงสุด (High Fractal) ปรากฏบนกราฟ โดยมีรูปแบบแนวโน้มราคาที่เปลี่ยนจากการขึ้นมาเป็นการตก อาจจะเป็นสัญญาณที่แสดงถึงความเป็นไปได้ในการกลับตัวลงของราคาในอนาคต

สำหรับการใช้งานฟรักแทลเพื่อบ่งชี้จุดกลับ คุณอาจต้องดำเนินการตามขั้นตอนเพิ่มเติมเช่น:

    • การใช้ร่วมกับตัวชี้วัดอื่น: คุณสามารถใช้ฟรักแทลร่วมกับตัวชี้วัดอื่น เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) เพื่อความรอบคอบมากขึ้นในการตรวจสอบสัญญาณกลับ
    • การรอยืนยัน: อย่างไรก็ตาม การพิจารณาสัญญาณจุดกลับที่เกิดขึ้นจากฟรักแทลควรรอรับรองจากสัญญาณอื่น ๆ ที่เข้ามาช่วยยืนยัน บางครั้งฟรักแทลอาจจะให้สัญญาณเท็จ ดังนั้นการรอยืนยันจากเครื่องมือวิเคราะห์เพิ่มเติมสำคัญ
    • การจัดการความเสี่ยง: ไม่ว่าคุณจะใช้ฟรักแทลในการตรวจสอบสัญญาณจุดกลับหรือไม่ ควรระมัดระวังเรื่องของความเสี่ยงและการจัดการความเสี่ยงในการซื้อขาย

ข้อดีข้อเสียของ fractal indicator

ฟรักแทลตัวชี้วัด (Fractal Indicator) มีข้อดีและข้อเสียที่คุณควรพิจารณาเมื่อใช้งานในการวิเคราะห์และการตัดสินใจการซื้อขายในตลาดการเงิน ดังนี้:

ข้อดีของ Fractal Indicator

    • บ่งชี้จุดกลับแนวโน้ม: ฟรักแทลช่วยในการระบุจุดที่แนวโน้มอาจจะเปลี่ยนแปลง จะเป็นการกลับตัวขึ้น (Bullish Reversal) หรือกลับตัวลง (Bearish Reversal) ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีความสำคัญในการตัดสินใจการซื้อขาย.
    • ระบุรูปแบบของตลาด: การใช้ฟรักแทลช่วยในการระบุรูปแบบของตลาด เช่น การกลับตัวจากแนวโน้มขึ้นไปเป็นแนวโน้มลง หรือแนวโน้มลงไปเป็นแนวโน้มขึ้น เพื่อให้คุณสามารถจัดกลยุทธ์การซื้อขายได้อย่างเหมาะสม.
    • ง่ายต่อการใช้งาน: การตรวจสอบฟรักแทลบนกราฟง่ายและสะดวก ไม่จำเป็นต้องมีความรู้มากมายในการวิเคราะห์เทคนิคเชิงลึก.

ข้อเสียของ Fractal Indicator

    • สัญญาณเท็จ: ฟรักแทลบางครั้งอาจให้สัญญาณเท็จได้ เพราะมันยังไม่ได้รับการยืนยันจากตัวชี้วัดอื่น ๆ หรือรูปแบบราคาอื่น ๆ ที่เข้ามาช่วยยืนยัน.
    • ขาดความแม่นยำในกระยะสั้น: ฟรักแทลอาจมีปัญหาในการบ่งชี้จุดกลับในกระยะสั้น เนื่องจากความเข้มข้นของเส้นราคาในระยะเวลาสั้นอาจทำให้แนวจุดสูงสุดและแนวจุดต่ำสุดที่เกิดขึ้นไม่แน่นอน.
    • ตอบสนองช้า: ฟรักแทลอาจบ่งชี้สัญญาณจุดกลับในช่วงเวลาที่หลังจากแนวจุดสูงสุดหรือแนวจุดต่ำสุดที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจทำให้คุณพลาดโอกาสการซื้อขายในระยะเวลาที่ดี.
    • ไม่เหมาะสำหรับทุกสถานการณ์: ฟรักแทลไม่ใช่เครื่องมือที่เหมาะสำหรับการซื้อขายทุกสถานการณ์ เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการวิเคราะห์ที่ควรร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ เพื่อเพิ่มความเสถียรภาพในการตัดสินใจ.